ด.ต.ยันไม่รับสินบนแค่เคลิ้มเปิดห้องขังให้คนร้ายหนี

ด.ต.ยันไม่รับสินบนแค่เคลิ้มเปิดห้องขังให้คนร้ายหนี

ด.ต.เปิดห้องขังปล่อยคนร้ายหนี ยืนยันบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้รับสินบน แค่เคลิ้มเพราะง่วงนอน ด้าน ผกก.ให้รางวัลนำจับ 10,000 บาท

ความคืบหน้า กรณีนายสุรศักดิ์ หรือ อาท คันทมาตร์ และ นายสุรชัย หรือ ต้อม ภูมิภาค สองผู้ต้องหาคดีมียาบ้าไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งพากันหลบหนีจากห้องขัง สภ.โพนทอง โดยมี น.ส.เสาวลักษณ์ เสมอใจ อายุ 21 ปี ชาวบ้านหมู่ 10 ต.คำนาดี อ.โพนทอง ซึ่งเป็นเมียของนายสุรชัย หรือ ต้อม ภูมิภาค และ น.ส.ไอรดา พลเยี่ยม อายุ 18 ปี ชาวบ้าน หมู่ 6 ต.สระนกแก้ว อ.โพนทอง พาผู้ต้องหาทั้งสองหลบหนี โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด มี ด.ต.ฉลาด แน่นอุดร สิบเวร เป็นคนเปิดกุญแจประตูห้องขังให้ 2 ผู้ต้องหาออกมาพบเมียแล้วกอดรัดกัน ก่อนพากันหลบหนี และได้มีคำสั่งให้ออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้

ล่าสุด พ.ต.ท. วิชัย ถไว สารวัตรสอบสวนคดีดังกล่าว นำ ด.ต.ฉลาด แน่นอุดร ที่กลายเป็นผู้ต้องหา และ ด.ต.ปรีชา คำจุมจัง เวรประจำวัน และ ด.ต.คิมหันต์ สุนทรารัตน์ ผู้ช่วยร้อยเวรวันเกิดเหตุ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ทำการจำลองแผนการเกิดเหตุการณ์ เริ่มต้นผู้ต้องหาชาย 2 คน ที่ออกจากห้องขัง วิ่งหลบหนีออกไปที่ถนนสายเข้าตัวอำเภอโพนทอง ซึ่ง ด.ต.ฉลาด แน่นอุดร ยืนยันประกอบสำนวนการสอบสวน ว่าตนเองและ ด.ต.ปรีชา คำจุมจัง เวรประจำวัน ได้วิ่งไล่ผู้ต้องขังทั้ง 2 คน ไป เพื่อจับกุมผู้หลบหนี เพื่อบันทึกภาพประกอบสำนวนการสอบสวน และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเองไม่ได้มีเจตนาตั้งใจปล่อยตัวผู้ต้องหาหลบหนี

โดยเปิดเผยว่า ตนเองเสียใจกับเรื่องที่โดนให้ออกจากตำรวจ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีได้มีผลประโยชน์ จากการถูกมองว่ามีการได้รับสินบนจากการปล่อยตัวผู้ต้องหา ไม่ได้รับเงินหรืออะไรจากหญิงสาว 2 คน โดยเด็ดขาด แต่ก็ยอมรับว่า คืนเกิดเหตุ หญิงสาวทั้ง 2 คน มาตอน 4 ทุ่ม เพื่อขอเยี่ยมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมกับซื้อกาแฟมาก 1 แก้ว แต่ตนไม่อนุญาต ก็เลยกลับไป แต่มาอีกครั้งตอนตี 4 ยอมรับว่าอาจจะใจอ่อน เคลิ้มและคล้อยตาม แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงใจอ่อนจนถึงกับเปิดประตูให้เข้า จนนำไปสู่การหลบหนีไป คิดว่ากาแฟแก้วนั้นน่าจะไม่ใช่ปัญหา หรือว่ามีการวางยา เพราะ กินกาแฟแล้วก็ไมได้หลับไป แต่ก็ยอมรับว่าตอนนั้นมีอาการเคลิ้มๆ ซึ่งก็คงเกิดจากการง่วงนอนมากกว่า

ด.ต.ฉลาด กล่าวว่า วันนั้นตนเองและด.ต.ปรีชา คำจุมจัง วิ่งไล่ผู้ต้องหา จาก สภ.โพนทองไปประมาณ 100 เมตร ปรากฏว่าไล่ไม่ทัน จึงขอความช่วยเหลือยืมรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่เป็นแม่ค้า ขับขี่ไล่ไปอีกประมาณ 50 เมตร จนเกือบจะทันผู้ต้องหา ปรากฏว่ามีรถเก๋ง ปาดหน้าเข้ามารับผู้ต้องหา ที่พยายามขึ้นรถหนีและเกาะประตูรถ ตรียมขึ้นรถหนี จนตัดสินใจขี่รถพุ่งชนท้ายรถจนไฟท้ายแตก และชนประตูรถพร้อมกับกอดเอวนายสุรชัย หรือ ต้อม ภูมิภาค ที่กำลังจะขึ้นรถและเกาะประตูรถ แต่ก็หลุดมือ ขณะที่รถก็ลากเอาตัวนายต้อมไปได้ จนหลบหนีไปได้ในที่สุด จากนั้นพวกตนก็รีบกลับมาเนื่องจาก นึกได้ว่ายังมีผู้ต้องหาอยู่ในห้องขังเกรงว่าจะหลบหนี พบว่า ด.ต.คิมหันต์ สุนทรารัตน์ ผู้ช่วยร้อยเวรวันเกิดเหตุ ได้เข้าไปล็อคกุญแจห้องขังไว้ก่อนแล้ว จึงทำให้ไม่มีผู้ต้องหารายอื่นหลบหนีไปด้วย

ด้านพ.ต.อ. พันธ์ศักดิ์ อุปพงศ์ ผกก.สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า จากการติดตามจับกุมคนร้าย วันนี้ ได้เชิญตัวผู้เกี่ยวข้อง ที่เป็นญาติของผู้ต้องหาที่หลบหนีทั้ง 4 คน เพื่อขอความร่วมมือ และส่งเจ่าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดสืบสวน สอบสวน และนอกเครื่องแบบ ติดตามหาเบาะแสจากรถยนต์ ซึ่งพบว่ามีภาพวงจรปิดว่าเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งในอำเภอโพนทอง จึงยังเชื่อมั่นว่ายังคงอยู่ในพื้นที่ แต่ก็ไม่ชะล่าใจ ยังคงกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตม.ทุกแห่งตามแนวชายแดน ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือจากประชาชน ให้ช่วยเหลือแจ้งเบาะแส โดยให้รางวัล 10,000 บาท หากสามารถชี้เบาะแส จนสามารถจับกุมคนร้ายได้ โดยแจ้งเบาะแสได้ทางโทรศัพท์ ที่ 043571491 หรือเบอร์ตรง พ.ต.อ. พันธ์ศักดิ์ อุปพงศ์ ผกก.สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด 0895199541 ได้ตลอดเวลา