'ผศ.ดร.ปฐมพงศ์' ชี้แจง6ข้อ ปมดราม่า 'หมอลำ-ศิลปินแห่งชาติ'

'ผศ.ดร.ปฐมพงศ์' ชี้แจง6ข้อ ปมดราม่า 'หมอลำ-ศิลปินแห่งชาติ'

ผู้ช่วยอธิการบดี มมส "ผศ.ดร.ปฐมพงศ์" ชี้แจง6ข้อ ปมดราม่า "หมอลำ-ศิลปินแห่งชาติ" ลั่นขออภัย3ครั้งแล้ว ปัดตอบถูกจี้ให้ขอขมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงศ์ ณ จัมปาศักดิ์ ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) และนักวิชาการศิลปวัฒนธรรมอีสาน ได้ออกแถลงการณ์ เพื่อชี้แจงกรณีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอบโต้การให้สัมภาษณ์ของราชินีหมอลำ และศิลปินแห่งชาติ “ฉวีวรรณ ดำเนิน” จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล เนื่องจากมีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ ในช่องแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ดังกล่าว

โดยแถลงการณ์ เป็นการชี้แจงในประเด็นดราม่าการเสนอมุมมองเรื่องศิลปะการแสดงหมอลำ โดยมีการระบุตามข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ว่า 1.ศิลปินหมอลำได้นำเสนอข่าวหัวข้อ “จัดหนักลำซิ่ง – โคโยตี้ แค่หมอลำหูฉลาม” เมื่อข้าพเจ้าเห็นข่าวออนไลน์ จึงได้แชร์มานำเสนอในมุมมองที่เหมือนและเห็นต่าง

ประเด็นโดยสรุปคือ ข้าพเจ้าสนับสนุนหมอลำทั้ง 3 ประเภท โดยมีการโพสต์ทั้งหมด 2 ครั้งในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งไม่ได้ตั่งค่าสาธารณะ ในวันที่ 14 พ.ค. 2560 โดยโพสต์ข่าวครั้งที่ 1 “จัดหนักลำซิ่ง – โคโยตี้ แค่หมอลำหูฉลาม” ในเวลา 15.56 น. ครั้งที่ 2 โพสต์เพลง “ผู้สาวขาเลาะ” คุณลำไย ไหทองคำ เวลา 18.08 น. โดยเฟซบุ๊กส่วนตัวข้าพเจ้านั้นสามารถเห็นได้เฉพาะผู้ดำลงสถานะเพื่อนในเฟซบุ๊กข้าพเจ้าเท่านั้น เนื่องจากไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะ ใต้โพสต์ซึ่งมีการคอมเมนต์ย่อยของย่อยอีกทีที่เป็นการพิมพ์ระหว่างเพื่อนในเฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ได้มีบุคคลที่อยู่ในสถานะเพื่อนในเฟซบุ๊กบันทึกภาพโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้าพเจ้านำไปเผยแพร่

2.ศิลปินหมอลำ หลังจากคนไปแจ้งท่านว่ามีความคิดเห็นต่าง ด้วยสปิริตของท่าน ท่านได้ออกมาแสดงเจตนาว่า “ไม่มีเจตนาดูหมิ่นหมอลำซิ่ง” ในวันที่ 18 พ.ค.2560 เวลา 12.58 น. ในข่าวดังกล่าวพอสรุปได้ว่า มีผู้ตำหนิท่าน ในข่าวท่านได้ตอบว่า “ไม่โกรธเคืองใดๆ แม้ถูกดูหมิ่น” และ “ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน”

3.ในบ่ายวันเดียวกัน วันที่ 18 พ.ค.2560 เวลา 15.00 น. โดยประมาณ ข้าพเจ้าได้รับการประสานงานจากสำนักข่าวสำนักหนึ่ง ซึ่งผู้ที่มาขอบันทึกวีดีโอนั้นมีความคุ้นเคยกัน ในหัวข้อ “ความเห็นในมุมมองของข้าพเจ้าต่อหมอลำ” ซึ่งข้าพเจ้าได้เสนอมุมมองเดิมๆ ไป โดยสรุปคือ เห็นด้วยทั้ง 3 รูปแบบหมอลำ ต้องมีการพลวัตตามยุคตามสมัย ต่อท้ายว่าส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับที่ว่า ด้วยการแต่งกายวาบหวิวเกินไป

ข่าวที่ให้สำนักหนึ่งไปนั้น ถูกส่งต่อไปอีกสำนักหนึ่งโดยที่ข้าพเจ้าไม่ทราบ ไม่ได้อนุญาตและถูกนำไปเผยแพร่ตัดตอนเพิ่มเติมโดยสำนักข่าวนั้นๆ กล่าวคือ นำไปเผยแพร่ไม่ครบ อีกทั้งพยายามโยงเรื่องให้เป็นไปอย่างที่ข่าวสารเผยแพร่ไปแล้วนั้น ทำให้เกิดกระแสบุคคลกลุ่มหนึ่งในการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามต่างๆ แก่ข้าพเจ้า ซึ่งส่วนนี้ได้มอบให้ทนายความส่วนตัวเก็บข้อมูลไว้บ้าง เหตุที่ข้าพนิ่งต่อเหตุการณ์ เพราะมีความคิดว่ากรณีนี้เป็นคนละประเด็นกัน เพียงแต่มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มพยายามทำให้สิ่งนี้เป็นเป็นทางก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้น”

4.เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านข่าวบ่ายวันที่ 18 พ.ค.2560 ของศิลปินหมอลำที่ออกผ่านสื่อข่าวออนไลน์ ท่านได้ออกมาแสดงเจตนาว่าไม่ได้ดูหมิ่นหมอลำซิ่ง ประกอบด้วยข้าพเจ้าเห็นเนื้อความตอนท้ายข่าวนั้นว่า “ไม่โกรธเคืองใดๆ แม้ถูกดูหมิ่น” ข้าพเจ้าจึงย้อนมองว่า เหตุดราม่าเกิดจากข้อความย่อยในคอมเมนต์ของคอมเมนต์ย่อยในโพสต์เพลงผู้สาวขาเลาะ ข้าพเจ้าจึงไปขออภัยในจุดเกิดเหตุดังกล่าว เพราะเหตุเกิด ณ ที่ใดก็ควรแสดง ณ ที่นั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้อความที่ลงท้ายว่า “ขออภัยไว้ตรงนี้” รวมถึงโพสต์วิดีโอข่าวเต็ม วันที่ 18 พ.ค. 2560 ของข้าพเจ้าที่ไม่ได้ตัดต่อโดยสื่อ ก็ยังได้ “กราบขออภัย” ไว้ในท้ายโพสต์อีกทาง ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้อความนี้ จะทราบถึงผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพราะก่อนหน้านี้ข้อความที่สื่อออกไปผ่านคอมเมนต์ต่างๆ ที่โดนบันทึกภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ยังสามารถทราบไปถึงทุกท่าน ทั้งทางตรงและทางอ้อม

5.ดังนั้น ในประเด็นกรณีดราม่า เรื่องดูแคลนดังกล่าวนั้น หากคิดว่าเป็นกรณีผู้เสียหาย คือ ศิลปินหมอลำ ตามข่าวลงวันที่ 18 พ.ค.2560 ท่านได้ระบุในเนื้อข่าวว่า “ไม่โกรธเคืองใดๆ” และ ผู้ถูกพาดพิงถึง คือ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ขออภัยในจุดเกิดเหตุแล้ว เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 ได้ขออภัยไป 2 จุด คือ โพสต์ในคลิปวีดีโอดังกล่าวฉบับเต็ม และโพสต์ในคอมเมนต์ที่เกิดเหตุดราม่า ซึ่งในทางความหมายระหว่างกรณีก็เป็นการยุติเรื่องราวทุกเรื่อง หากท่านต้องการอีกครั้ง ข้าพเจ้าก็ขออภัยในที่ตรงนี้เป็นครั้งที่ 3 “ขออภัยหากมีสิ่งใดที่ทำให้ท่านไม่สบายใจ หรือได้รับผลกระทบใดๆ”

6.มีการปลุกปั่นกระแสให้เกิดความเกลียดชังแก่ข้าพเจ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้ตอบโต้แต่ประการใดอีก ทั้งดูเหมือนมีผู้ก่อให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อหวังผลความเสียหายให้เกิดแก่ข้าพเจ้าแล้ว และยังพยายามเชื่อมโยงประเด็นเพื่อทำลายชื่อเสียงแก่องค์กร โดยดึงหน้าที่การงานข้าพเจ้ามาพ่วงเพื่อหวังผลทางใดทางหนึ่ง โดยใช้ข่าวดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งที่ความเป็นจริงนั้น เป็นเองส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร

ท้ายที่สุดนี้ขอฝากข้อความไปถึงบรรดาบุคคลที่นำความหรือภาพจากเฟสบุ๊คส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตไปเผยแพร่ รวมถึงข่าวสารสื่อใดๆ ที่ได้รับการตัดตอนเพิ่มเติมคลาดเคลื่อนจากที่ข้าพเจ้าได้ให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ และข้อควาตามแถลงการณ์ฉบับนี้ หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากออกแถลงการณ์ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงศ์ เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงในแถลงารณ์ และกระแสที่มีการเรียกร้องของกลุ่มลูกศิษย์ราชินีหมอลำ ฉวีวรรณ ดำเนิน ให้ออกมาแสดงความขอโทษด้วยการขอขมาตามประเพณีอีสาน แต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงศ์ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลและไม่ขอให้รายละเอียดใดๆ ในเรื่องนี้