MORNING CALL ACTION NOTES (23 พ.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (23 พ.ค.60)

เก็งกำไรในกรอบ

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นหลังนลท.คลายความกังวลปัญหาการเมืองในสหรัฐ ประกอบกับได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นแรง ส่งผลให้มีแรงซื้อกลุ่ม ENERG BANK หนุนให้ SET ปิดที่ 1,557.73 จุด (+8.09 จุด) ด้วย Volume 3.8 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +184 ลบ. TFEX Net +727 สัญญา ตราสารหนี้ -1,369 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ตลาดหุ้น DJ ดีดตัวขึ้น จากแรงหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตอาวุธ หลังปธน.ทรัมป์ ลงนามขายอาวุธแก่ซาอุดิอาระเบียมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์

+ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุด 51.1 US/Barrel จากคาดการณ์กลุ่มโอเปกจะยืดเวลาการปรับลดการผลิตน้ำมันออกไปถึง Q1/2018

+ ตัวเลขส่งออกไทยเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.49% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ส่วนยอดรวม 4 เดือนเพิ่มขึ้น 5.69% ทำสถิติสูงสุดรอบ 6 ปี หลังการค้าโลกขยายตัว เศรษฐกิจคู่ค้าฟื้นตัว

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนล่าสุดพลิกเป็น Net Buy ราว 2 ร้อยลบ. แต่ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.เป็น Net Sell 1 พันลบ. รวมถึงเงินบาทแข็งค่าล่าสุด 34.3 Bath/USD

+/- "อนันต์ อัศวโภคิน" ลาออกทุกตำแหน่งในบริษัทกลุ่มแลนด์ฯ ทั้ง 4 แห่ง "LHBANK-LH-QH-HMPRO หลังดีเอสไอเรียกรับทราบข้อกล่าวหา

- เหตุการณ์ระเบิดที่แมนเชสเตอร์ อารีนา (อังกฤษ) มีผู้เสียชีวิต 19 ราย

** 24 พ.ค. การประชุมกนง. (คาดคงดอกเบี้ย R/P ที่ 1.5%)

** 25 พ.ค. การประชุมกลุ่มโอเปก คาดหารือการขยายเวลาลดกำลังการผลิตออกไปจนถึง Q1/2018

ตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยบวกจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์ว่าการประชุมกลุ่มโอเปกวันที่ 25 พ.ค.จะยืดเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึง Q1/2018 อย่างไรก็ตาม Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวนยังคงเป็นแรงกดดันตลาด ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,550 – 1,565 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเหนือ 50 US/barrel และเก็งผลการประชุมโอเปกในวันที่ 25 พ.ค.

- BANPU ราคาถ่านหินรีบาวด์ขึ้นล่าสุด 75.2 US/Ton

- LST VPO ราคาปาล์ม + 13% MoM ล่าสุด 667 USD/Ton

- MSCI Thailand เพิ่มน้ำหนัก PTT PTTGC BEM ส่วน MSCI Small Cap เพิ่ม BCPG BIG FORTH PTL THANI เข้าคำนวน มีผลตั้งแต่ 31 พ.ค.

หุ้นแนะนำพิเศษ

BANPU Meeting (ราคาปิด 17.70 Bloomberg Consensus 23.33)

- รายงานกำไร 1Q60 ที่ 1,435 ล้านบาท +881% YoY แต่ -5%QoQ โดยเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียเป็นตัวสร้างกำไรหลักราว 50% เนื่องจากราคาขายปรับตัวขึ้น 40%QoQ สู่ 69 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ต้นทุนขายปรับตัวขึ้นเพียง 18%QoQ สู่ระดับ 51 ดอลลาร์ต่อตัน อย่างไรก็ตามมีผลขาดทุนจากค่าเงินอีกราว 1.3 พันล้านบาทมากดดันผลประกอบการ

- แนวโน้มราคาถ่านมีโอกาสปรับตัวขึ้นเนื่องจากในปัจจุบันจีนมีสต๊อกถ่านหินที่ต่ำลง ทำให้อาจมีการสต๊อกอีกครั้งในไตรมาส 2 และนอกจากนี้จีนไม่ต้องการให้ราคาถ่านหินอยู่ในระดับต่ำเพราะต้องการให้ทั้งโรงไฟฟ้าและเหมืองสามารถทำกำไรได้ซึ่งเป็นประเด็นบวกเพิ่มเติมต่อราคาถ่าน

- ความเห็นธุรกิจถ่านหินคาดว่าผลประกอบการจะทรงตัวตามราคาที่เริ่มปรับตัวขึ้น (ทำสัญญาซื้อขายไว้แล้ว 46% และอีก 54% อ้างอิงตามราคาถ่าน) ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าได้เลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงจากไตรมาส 2 ไปไตรมาส 4 ทำให้ผลประกอบการมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 1 ที่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหน่วยที่ 2 และ 3 นอกจากนี้ตั้งงบ 65-100 ล้านเหรียญฯซื้อแหล่งก๊าซในสหรัฐ คาดสรุป H2/60,ราคาขายถ่านหินปีนี้สูงกว่าปีก่อน

หุ้นมีข่าว

BPP Meeting (ราคาปิด 23.80 Bloomberg Consensus 26.55)

- 1Q60 รายงานกำไร 1,046 ล้านบาท -4%QoQ และ -14%YoY แม้ว่าจะมีการรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากโซลาร์ในจีนเพิ่ม 70 MW ตั้งแต่ ก.พ. ที่ผ่านมาก แต่ต้นทุนถ่านที่เพิ่มขึ้นและผลขาดทุนจากค่าเงินคอยกดดันกำไร

- โรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสายังเป็นตัวสร้างกำไรหลักราว 713 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากค่าเงิน 600ล้านบาทแล้ว)

- บริษัทมองหาโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการ M&A และการลงทุนแบบ greenfield ที่ประเทศเวียดนาม ลาว อินโดนีเซีย ญี่ป่น และจีนโดยตั้งเป้ากำลังการผลิตที่ 4.3 GW ภายในปี 2025

PTT Meeting (ราคาปิด 393 Bloomberg Consensus 416.61)

- โครงการ LNG 1 เฟส 2 กำลังการผลิตรวม 10 ล้านตันต่อปีจะเริ่มรับก๊าซฯได้ภายไน 2H60 และในอนาคตอาจเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 15 ล้านตันต่อปี จากแผนงานเดิมที่คาดจะมีกำลังการผลิตที่ 11.5 ล้านตันต่อปี ขณะที่ LNG เฟส 2 ยังคงกำลังการผลิตที่ 7.5 ล้านตันต่อปี

- ภายในเดือน ต.ค. คาดว่าจะโอน 6 บริษัทเกี่ยวกับเคมีให้ PTTGC ทั้งหมด และคาดว่าจะโอนธุรกิจด้านน้ำมันให้ PTTOR ภายในปีนี้ และพร้อมนำบริษัท PTTOR เข้าจดทะเบียนหลังการโอนย้ายแล้วเสร็จ

- คาดไตรมาส 2 ผลประกอบการอาจอ่อนตัวลงตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงกดดันต่อธุรกิจผลิตและสำรวจที่ราคาขายปรับตัวลง ธุรกิจโรงกลั่นอาจมีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และธุรกิจปิโตรเคมีราคาขายปรับตัวลง นอกจากนี้จะไม่มีปันผลรับจากเงินลงทุนอีก 4 พันล้านบาทเหมือนในไตรมาส 1

SELIC (ราคาปิด 3.06 ซื้อ ราคาเหมาะสม 3.65) ร่วมงาน "อินเตอร์แพค 2017"ที่เยอรมนีเมื่อต้นพ.ค. หวังต่อยอดธุรกิจ-เพิ่มลูกค้าใหม่

AP (ราคาปิด 7.70 ซื้อ ราคาเหมาะสม 9 บาท) คอนโดมิเนียม LIFE ลาดพร้าวซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนโครงการที่ 9 กับพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มูลค่าโครงการ 7,600 ล้านบาท เปิดขาย 2 วัน มียอดจองกว่า 75% จำนวน 1,209 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,800 ล้านบาท ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ที่คาดจะขายได้ 50%

ความเห็น : Life ลาดพร้าวอยู่ในทำเลที่ดีเยื้องรร.หอวังและเซ็นทรัลลาดพร้าว โดยเป็นโครงการร่วมทุนจึงไม่ได้รับรู้รายได้จากการโอนโดยตรงแต่จะรับรู้ในรูปของส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น 51% คาดจะใช้เวลาก่อสร้างราว 1.5 – 2 ปี ยอดจองที่ดีจะเป็น backlog ที่แข็งแกร่งในอนาคต โดยเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรปี 60 ราว 3.1 พันล้านบาทเติบโต 15% กำไร 1Q60 เท่ากับ 549 ล้านบาทคิดเป็น 18% ของประมาณการทั้งปี คาดกำไรไตรมาสสุดท้ายน่าจะสูงสุดรายไตรมาสเช่นเคยจากการเริ่มโอนคอนโด 3 โครงการ (ของบริษัท 2 และคอนโดร่วมทุน 1)

ประเด็นบวกหุ้นรับเหมา - แข่งเดือด! รับเหมาฯกว่า 30 ราย แห่ซื้อซองประมูลรถไฟทางคู่ หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 7.3 พันล้านบาท พบรายย่อยร่วมชิงเค้กเพียบ ส่วนรายใหญ่มาครบ “UNIQ-ITD-CK-STEC-NWR-PLE” ลุ้นเคาะอี-อ็อคชั่น 27 ก.ค.นี้ (ที่มาข่าวหุ้น)

AMATA (ราคาปิด 15.50 Bloomberg Consensus 17.16) คงเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ราว 1 พันไร่แม้ Q1/60 ได้แค่ 63 ไร่ เชื่ออานิสงส์ EEC หนุนช่วงที่เหลือ

วันนี้จับตา ILINK (ราคาปิด 14.50 Bloomberg Consensus 18.43) เจรจาต่อรองราคางานจัดซื้อและติดตั้งระบบ APM สนามบินสุวรรณภูมิของ AOT มีลุ้นคว้างานหากยอมลดต่ำกว่าราคากลาง 2,895 ล้านบาท ส่วน Q2 คาดกำไรพุ่ง เหตุรับรู้รายได้งานวิศวกรรมโครงการ-โทรคมนาคมเพิ่มขึ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ +89.99 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,894.83 จุด เพิ่มขึ้น 89.99 จุด หรือ +0.43% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,394.02 จุด เพิ่มขึ้น 12.29 จุด หรือ +0.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,133.62 จุด เพิ่มขึ้น 49.92 จุด หรือ +0.82% เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตอาวุธอย่างคึกคัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในข้อตกลงขายอาวุธแก่ซาอุดิอาระเบียมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากมีการคาดการณ์ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะจับมือกันขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 25 พ.ค.นี้

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.40 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 50.73 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะจับมือกันขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 25 พ.ค.

SC Analyst Meeting (ราคาปิด 3.26 ซื้อ ราคาเหมาะสม 4 บาท)

- 1Q60 มีกำไร 75 ลบ.-84%YoY -71%QoQ โดยมีรายได้ -47%YoY -41%QoQ เหลือ 1,745 ลบ. เนื่องจากรายได้คอนโดฯ -78%YoY -12%QoQ อย่างไรก็ดี gross margin โครงการเพื่อขาย 36% ดีกว่า 32% ใน 4Q59 แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับ 1Q59 % คชจ.ขายและบริหารต่อรายได้พุ่งขึ้นเป็น 34% ดูสูงมากเมื่อเทียบกับ 24.3% ใน 4Q59 และ 1Q59 เนื่องจากระดับรายได้ที่ต่ำ

- Q1 มียอดขาย presale 3,240 ลบ. +30%YoY -18%QoQ คิดเป็น 20% ของเป้าทั้งปีที่ 1.6 หมื่นลบ. จากการเปิดใหม่ 4 โครงการมูลค่ารวม 1.1 หมื่นลบ. Q2 มีแผนเปิดตัวใหม่ 2 โครงการมูลค่ารวม 3,160 ลบ. ซึ่งมีลุ้นทำได้ 40% ในช่วง 1H ส่วน backlog ปลายมี.ค. 7.9 พันลบ.ส่วนที่จะโอน ปีนี้ราว 2,000 ลบ.

ความเห็น  กำไร 1Q60 ที่คาดเป็นจุดต่ำสุดของปี คิดเป็น 4% ของประมาณการทั้งปีที่ราว 1.8 พันลบ. ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการทั้งปีตามเดิมจากที่คาดกำไรจะกระเตื้องขึ้นใน Q2 จากการโอนโครงการแนวราบที่ดีขึ้นและเริ่มโอนโครงการ Chamber Chaan มูลค่ารวม 930 ลบ.ในเดือนเม.ย. และใกล้เคียงกับเป้ารายได้ 1H ที่ 40% ของเป้าทั้งปีที่ 14,800 ลบ. ส่วนรายได้ใน 2H60 คาดจะเพิ่มขึ้นโดยใน Q4 จะเริ่มโอนคอนโดฯ Chamber Cher อีก 1 โครงการมูลค่ารวม 780 ลบ. ราคาปิดล่าสุดซื้อขายที่ Prospect PER 7.4x yield 5.4%