วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (22 พ.ค.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (22 พ.ค.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อเนื่อง จากข้อตกลงขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปค

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนของข้อตกลงขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 25 พ.ค. นี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่าผู้ผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปคและนอกโอเปคจะปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 1.8 ล้านบาร์ต่อวัน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าจะขยายระยะเวลาการปรับลดไปจนถึงเดือนมี.ค. 2561

- Joint Organization Data Initiative (JODI) รายงานปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียในเดือนมี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 275,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนก.พ. มาอยู่ที่ 7.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบจะลดลงจาก 10.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.90 ล้านบาร์เรลต่อวัน

- Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 พ.ค. 60 ปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 8 แท่น มาอยู่ที่ 720 แท่น แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 58 และนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นติดต่อเป็นสัปดาห์ที่ 18

- CFTC รายงานสถานการณ์ลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดซื้อขาย NYMEX ที่นิวยอร์ก และ ICE ที่ลอนดอน ประจำสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 16 พ.ค. พบว่าผู้จัดการกองทุนปรับลดปริมาณการถือครองสัญญาน้ำมันดิบสุทธิ (Net Long Position) ลง เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันราว 9,710 สัญญา มาอยู่ที่ 184,312 สัญญา จากความกังวลเกี่ยวกับผลของการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตกลุ่มโอเปคมีไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ และกำลังการผลิตของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในสหรัฐ ที่ยังคงอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากอุปทานในภูมิภาคที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะจีนที่คาดว่าจะส่งออกน้ำมันเบนซินอย่างต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงหนุนของอุปสงค์ในอินเดีย ประกอบกับ อุปทานของน้ำมันดีเซลในภูมิภาคที่จำกัด นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชีย

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

          ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- จับตาประชุมของผู้ผลิตทั้งในกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคในวันที่ 24 – 25 พ.ค. ว่าจะมีการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกจากเดิมหรือไม่ หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียสนับสนุนให้ขยายระยะเวลาของข้อตกลงออกไปอีก 9 เดือนจนถึง มี.ค. 61 จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 60 เพื่อให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังส่วนเกินปรับลดลงมาสู่ระดับสมดุลที่ระดับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี และเพื่อให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ประเทศอื่นในกลุ่มโอเปค ได้แก่ คูเวต อิหร่าน และเวเนซุเอลา ได้กล่าวสนับสนุนต่อข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นในสหรัฐ เพิ่มกำลังการกลั่นขึ้นมาสู่สูงสุดในรอบ 5 ปีสำหรับช่วงเวลานี้ที่ร้อยละ 93.4 เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 12 พ.ค. 2560 ปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 520.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน

- ตลาดยังคงกังวลกับการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากการเปิดดำเนินการของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara และ El Feel ส่งผลให้กำลังการผลิตของลิเบียปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 800,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงสิ้นเดือน เม.ย. 60 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตของลิเบียคาดจะปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเร็วนี้และคาดจะปรับขึ้นมาอยู่ระหว่าง 1.1 – 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากสามารถแก้ไขสถานการณ์ขัดแย้งภายในประเทศลงได้

----------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

โทร.02-797-2999