Daily Market Outlook (22 พ.ค.60)

Daily Market Outlook (22 พ.ค.60)

มองบวกอย่างระมัดระวัง

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ตามการปรับตัวขึ้นของตลาด Wall Street เมื่อวันศุกร์ หนุนโดยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผลการดำเนินไตรมาส 1/60 ของบริษัททั้งในสหรัฐ ยุโรป และไทยที่ออกมาแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของตลาดอาจถูกจำกัดโดยสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับทรัมป์ รัสเซีย และ ผอ. FBI ปัจจัยภายในประเทศวันนี้เป็นบวกอย่างมาก โดยกำไรบริษัทจดทะเบียนใน SET เติบโตถึง 42% QoQและ 21.4% YoYนอกจากนี้ ตัวเลขส่งออกเดือน เม.ย. ประกาศออกมาอย่างไม่เป็นทางการเติบโต 8.5% อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์รายงานว่าจีนเตรียมเพิ่มภาษีการนำเข้าน้ำตาล ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ผลิตน้ำตาลไทย

หุ้นเด่นวันนี้: SAWAD (ราคาปิด 51.75 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 61.00 บาท)

เราคาด บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จะยังแสดงการเติบโตของสินเชื่อในไตรมาสที่เหลือของปี กระตุ้นโดยการบริโภคภาคครัวเรือนที่ดีขึ้นและภาคเกษตรกรรมที่แข็งแกร่งมาก โดยในไตรมาส 1/60 ตัวเลขการบริโภคภาคครัวเรือนของไทยเพิ่มขึ้น 3.2% YoYในระหว่างที่ภาคเกษตรกรรมขยายตัวถึง 7.7% YoYเรามองว่า SAWAD จะได้เปรียบจากการที่บริษัทมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ และสาขาส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงความต้องการสินเชื่อของตลาดที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ (untapped market) ได้ นอกจากนี้ เราประทับใจกับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/60 ที่รายงานกำไรสุทธิที่ 690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% QoQและ 64.3% YoYหนุนโดยการคำนวณค่ายุติธรรมที่บริษัทมีส่วนได้เสียในการถือหุ้น BFIT รวมถึงการเติบโตของสินเชื่อบริษัทเอง ที่เพิ่มขึ้น 4.3% QoQและ 45.9% YoYหนุนโดยการขยายเครือข่ายสาขา เราคาดปีนี้บริษัทจะขยายจำนวนสาขาถึง 2,400 สาขาจาก 2,188 สาขาในไตรมาส 1/60 นอกเหนือจากตลาดในประเทศแล้ว เร็วๆ นี้ SAWAD ได้จัดตั้งบริษัทย่อยในลาว แต่ยังไม่ได้เผยรายละเอียด อีกทั้ง เราคาดรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนในเวียดนามจะได้ข้อสรุปในปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตสินเชื่อในเมียนมาร์จะอยู่ที่ราว 2-3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณ 500 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เราคาดสินเชื่อโดยรวมของบริษัทปีนี้จะเติบโตถึง 40% เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตที่ 33.2% ในปี 60 และ 30.2% ในปี 61 Price Pattern ของ SAWAD มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SAWAD ที่ยังอยู่ในช่วงของการทำ New High ได้อย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 55 บาท ทั้งนี้ SAWAD มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 47 บาท (Resistance: 52.00, 52.25, 53.00; Support: 51.50, 51.25, 50.50)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย. อย่างไม่เป็นทางการเติบโต 8.49% แหล่งข่าวของรัฐบาลเผย ส่งออกไทยเดือน เม.ย. ปรับตัวขึ้น 8.49% อยู่ที่ 1.69 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.4 แสนล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แล้ว การเติบโตดังกล่าวหนุนโดยราคายางพาราที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอาหารแปรรูป โดยกระทรวงพาณิชย์จะมีการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันนี้ (Bangkok Post)

• กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/60 โตทั้ง QoQและ YoYกำไรสุทธิโดยรวมบริษัทจดทะเทียนใน SET ไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 2.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% QoQและ 21.4% YoYหนุนโดยราคาน้ำมันและปิโตรเคมีที่ปรับตัวดีขึ้น ในระหว่างที่บริษัทในหมวดธุรกิจด้านการอุปโภคบริโภคยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน (Bangkok Post)

• ปฏิเสธไอเดียขึ้นแวต ปลัดกระทรวงการคลังไม่ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 1% ตามข้อเสนอของ สนช. เพราะช่วงเวลาไม่เหมาะสม เกรงกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ (Bangkok Post)

• ดันลงทุนหุ่นยนต์หมื่น ลบ. สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเตรียมแผนพัฒนาหุ่นยนต์ โดยร่วมมือควบคู่กับบีโอไอ คาดว่าจะทำให้เกิดการลงทุน 1 หมื่น ลบ. (ไทยโพสต์)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ จากรายงาน 2 ฉบับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสอบสวนของทางการเกี่ยวกับกรณีที่ทรัมป์มีข้อตกลงกับรัสเซียและผู้อำนวยการ FBI นั้น ได้บดบังข้อเสนอใหม่ของทรัมป์เกี่ยวกับการใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐาน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 2.23% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไต่ถึงระดับ 2.26% โดยอัตราผลตอบแทนดังกล่าวปรับตัวลงถึงระดับ 2.18% เมื่อวันพฤหัส ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 19 เม.ย. (Reuters)

• ทรัมป์เตรียมเสนองบโครงการสาธารณูปโภคฉบับใหม่มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งเผยเมื่อวันศุกร์ว่าทรัมป์จะเสนองบโครงการสาธารณูปโภคมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับระยะเวลา 10 ปีในงบประมาณครั้งแรกของเขาในวันอังคารนี้ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดสำหรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐนับแต่เดือนเม.ย. 59 เทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ และขาดทุนนับแต่ทรัมป์ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงกว่า 2% ในสัปดาห์ก่อน เมื่อวันศุกร์ ดัชนีฯ ปรับตัวลง 0.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 9 พ.ย. หลังการเลือกตั้งเพียง 1 วัน (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกแต่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบวันเมื่อวันศุกร์ จากความกังวลที่กลับมาอีกครั้งเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ หลังจากมีรายงาน 2 ฉบับเกี่ยวกับประเด็นการสอบสวนความเป็นไปได้ที่จะมีการร่วมมือกันระหว่างรัสเซียกับทีมหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ (Reuters)

• การสอบสวนเกี่ยวกับรัสเซียครั้งใหม่ถูกคุกคาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถูกโจมตีเมื่อวันศุกร์หลังจากมีข้อมูลรั่วไหลว่าที่ปรึกษาอาวุโสคนหนึ่งของเขาเป็นบุคคลต้องสงสัย (a person of interest) ในประเด็นการสอบสวนการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างทีมหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์กับรัสเซีย โดยทรัมป์ได้คุยโวกับเจ้าหน้าที่ของรัสเซียเกี่ยวกับการไล่ออกผู้ที่เป็นหัวหน้าในการสอบสวน คำว่า a person of interest หมายถึงบุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนทางอาญาแต่ไม่ถูกจับหรือถูกกล่าวหาว่าประพฤติผิดทางอาญาอย่างเป็นทางการ บุคคลดังกล่าวอาจให้ความร่วมมือหรือมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน (Reuters)

• ทรัมป์บินไปซาอุดิอาระเบียเมื่อวันศุกร์ นับเป็นการไปเยือนต่างประเทศครั้งแรกของการเป็นประธานาธิบดี โดยทรัมป์จะไปเยือนทั้งซาอุฯ อิสราเอล นครรัฐวาติกัน และเบลเยียม ซึ่งทรัมป์จะเข้าพบผู้นำอาหรับ ผู้นำอิสราเอล สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส และ NATO หัวข้อสำคัญที่จะมีการพูดคุย ได้แก่ มุมมองของทรัมป์ต่อนิวเคลียร์ของอิหร่าน การให้ความร่วมมือกับ NATO และข้อสงสัยในสถานการณ์ยุโรป ทำเนียบขาวหวังว่าการไปเยือนต่างประเทศของทรัมป์ในครั้งนี้จะช่วยดึงความสนใจทุกคนออกจากสถานการณ์ทางเมืองที่ยังเป็นประเด็นอยู่ (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ ฟื้นตัวจากการร่วงลงอย่างหนักที่ถูกฉุดโดยสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐ ในระหว่างที่ นักลงทุนดูพึงพอใจกับนโยบายประหยัดอย่างเข้มงวดของกรีซ ทำให้มีเรื่องการปลดล็อคเงินกองทุนช่วยเหลือมีความคืบหน้ามากขึ้น หุ้นยุโรปโดยรวมสัปดาห์ก่อนปรับตัวลงหลังจากที่แตะนิวไฮมาได้หลายเดือนหนุนโดยเงินทุนไหลเข้า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานที่ออกมาดีกว่าคาด (Reuters)

• กำไรไตรมาส 1/60 แข็งแกร่ง ข้อมูล I/B/E/S เผย จาก 80% ของบริษัทยุโรปที่ได้รายงานผลการดำเนินงานไปแล้วนั้น 65% ออกมาดีเกินคาด และ 8% เป็นไปตาม อย่างไรก็ตาม ตัวเลขกำไรโดยรวมไตรมาส 1/60 ล่าสุด เติบโต 19.4% ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อยที่ 20% (Reuters)

เอเชีย:

• จีนจะลดการนำเข้าน้ำตาล: ปักกิ่งเตรียมออกภาษีนำเข้าน้ำตาลและเร่งรัดการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าตามแนวพรมแดน วันนี้จีนจะออกคำวินิจฉัยครั้งแรกเกี่ยวกับการนำเข้าน้ำตาลดิบและน้ำตาลแปรรูป โดยเสนออัตราภาษีที่หนักขึ้นในร่างคำตัดสินแล้ว มีน้ำตาลดิบและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จำนวน 2 ล้านตันจากประเทศไทยและผู้ผลิตรายอื่น ๆ มูลค่าประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯที่อยู่ระหว่างขนส่งทางเรือและขายผิดกฎหมายในตลาดขายส่งของประเทศจีนในแต่ละปี(Reuters)ความเห็น: การเพิ่มขึ้นของภาษีน้ำตาลจากผู้นำเข้าน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของโลกน่าจะเป็นปัญหาร้ายแรงต่อผู้ผลิตน้ำตาลไทย

• การส่งออกของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นในเดือนเมษายนเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน: เป็นสัญญาณว่าดีมานด์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งอาจช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง การส่งออกเพิ่มขึ้น 7.5% YoYในเดือนเมษายนต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยที่ขยายตัว 7.8% ต่อปี เพิ่มขึ้น 12.0% ในเดือนมีนาคม การนำเข้าเพิ่มขึ้น 15.1% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยสำหรับการเพิ่มขึ้น 14.8% ยอดการค้าเดือนเมษายนเกินดุล 481.7 พันล้านเยน (4.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เทียบกับค่าเฉลี่ยที่คาดการณ์ว่าจะเกินดุล 521 พันล้านเยน (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 2% วันศุกร์ ปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่สองเพราะประเทศผู้ผลิตหลักระบุว่าน่าจะขยายเวลาลดกำลังการผลิต น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าบวก 1.10 ดอลลาร์สหรัฐ (+2.1%) ปิด 53.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดสูงสุดนับแต่ 18 เม.ย. น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 98 เซนต์ (+2.0%) ปิด 50.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดนับแต่ 19 เม.ย. น้ำมันดิบสหรัฐบวก 5.2% รายสัปดาห์ขณะที่ Brent บวก 5.4%(Reuters)

• OPEC และผู้ผลิตอื่นรวมถึงรัสเซียประชุมกันวันที่ 25 พ.ค.คาดว่าน่าจะขยายการลดกำลังการผลิตต่อวันที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนสิ้น มี.ค. 61 OPEC อยู่ระหว่างพิจารณาการลดกำลังการผลิตมากไปกว่าเดิมอีกเพื่อเพิ่มระดับราคา อย่างไรก็ดีการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นแล้ว 10% นับแต่กลางปี 59 สู่ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวันเพราะการผลิตน้ำมันหินดินดานได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น Baker Hughes ระบุว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 18 ติดต่อกันแล้ว สัปดาห์ที่แล้วเปิดเพิ่ม 8 แท่นทำให้จำนวนรวมทั้งสิ้นเป็น 720 แท่น มากสุดนับแต่ เม.ย. 57 (Reuters)

• ทองคำบวกวันศุกร์และดีที่สุดในรอบห้าสัปดาห์ เพราะดอลลาร์อ่อนลงจากปัญหาการเมืองในสหรัฐ ทองคำตลาดจรบวก 0.6% ปิด 1,253.87 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำให้รายสัปดาห์บวก 2% ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ มิ.ย. ปิดบวก 0.06% ที่ 1,253.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)