เจ้าของอู่ซ่อมรถ ลักตัวเสี่ยรับแลกเงินเรียกค่าไถ่ 2.9 ล.

พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ ผกก.สภ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมด้วยชุดสืบสวนสภ.แม่สายได้ทำการสืบสวนจับกุมนายเฉิน วงค์ใจ ผู้ต้องหา สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 18 พ.ค.เวลา 13.00 น.นายอัครพล วงค์ใส่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.แม่สายแจ้งว่านายสุรพล วงค์ใส่ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่299/126 ม.8 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เสี่ยเจ้าของกิจการรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศชื่อดังใน อ.แม่สาย ซึ่งเป็นบิดาของตนได้โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือว่าถูกทำร้ายร่างกายและถูกลักพาตัวไปกักขังแต่ไม่ทราบว่าที่ใดจากนั้นชุดสืบสวนสภ.แม่สายจึงได้ออกสืบสวนหาข่าวจนทราบว่าครั้งสุดท้ายนายสุรพล เดินทางไปพบนายเฉิน วงค์ใจเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย

จากนั้นบุคคลทั้งสองได้หายตัวไป พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน บน 8636 พะเยา และไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.00 น.ได้มีญาติของนายสุรพล ที่อยู่ประเทศเมียนม่า ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่ามีโทรศัทพ์มาเรียกเงินค่าไถ่ตัวนายสุรพล จำนวน 2.9 ล้านบาท จากนั้นมีการโทรศัพท์ติดต่อมาเรียกเงินค่าไถ่ทุกระยะจนกระทั่งชุดสืบสวนทำการสืบสวนทราบว่านายเฉิน ได้นำตัวนายสุรพล มากักขังไว้ในโกดังร้างพื้นที่บ้านสันโค้งเหนือ ม.3 ต.ศรีเมืองชุม อ.แม่สาย ชุดสืบสวนจึงเข้าทำการช่วยเหลือจนพบตัวนายเฉินและนายสุรพลในโกดังร้างเมื่อทำการตรวจสอบพบนายเฉินและนายสุรพลพร้อมรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะอยู่ในโกดังร้าง

จากสอบถามนายเฉินให้การว่าได้นำตัวนายสุรพล มากักขังเพื่อเรียกค่าไถ่จริง โดยจับตัวนายสุรพล มัดติดกับเบาะนั่งข้างคนขับตอนหน้าภายในรถกระบะ โดยใช้เชือกและเส้นลวดเท่าที่จะหาได้มามัดแขน ขา เอวและคอติดกับเบาะรถตลอดเวลา 

ส่วนสาเหตุนายเฉินสารภาพว่านายสุรพลเคยรับปากจะช่วยไถ่ถอนบ้านที่ติดจำนองกับบริษัทไฟแนนซ์จำนวนเกือบ 4 ล้านบาทให้ เพราะตนเองขาดส่งมาได้ 3 เดือนจนบริษัทไฟแนนซ์โทรศัพท์มาทวงถามว่าจะฟ้องยึดบ้านและที่ดินของตนจึงได้นัดหมายกับนายสุรพล เพื่อให้มาพูดคุยกันที่อู่ซ่อมรถของตนซึ่งการเจรจาแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ และนายสุรพลได้ปฏิเสธที่จะให้การช่วยเหลือด้วยความโมโหจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายเฉินส่งพนักงานสอบสวนสภ.แม่สายดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป