‘แซม’คิดค่าฟีเก็บหนี้แบงก์5-7%

‘แซม’คิดค่าฟีเก็บหนี้แบงก์5-7%

"แซม" คิดค่าฟีเก็บหนี้แบงก์ 5-7% "กรุงศรี" ชี้เอ็นพีแอลส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเบบี้บูม

“แซม” เผยคนสนใจสอบถามโครงการคลินิกแก้หนี้เพียบ คาดปีแรกเข้าโครงการกว่า 1 หมื่นราย จากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 1 แสนราย มูลหนี้รวม 1 แสนล้าน โดยคิดค่าบริหารหนี้จากแบงก์ 5-7% ของหนี้ที่ตามได้ ด้าน “กรุงศรีคอนซูเมอร์” ชี้เอ็นพีแอล ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มเบบี้บูม

นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ แซม เปิดเผยว่า การเปิดดำเนินการในปีแรกของโครงการคลินิกแก้หนี้ คาดว่าจะมีลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมโครงการประมาณหมื่นคน จากจำนวนลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ทั้งหมดประมาณ 1 แสนราย มูลหนี้ประมาณ 1 แสนล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงแรกที่เริ่มทำโครงการ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้จะยังไม่ได้เริ่มโครงการ โดยโครงการจะเริ่มได้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ แต่ก็มีลูกหนี้ธนาคารเข้ามาติดต่อแล้วจำนวนมาก ช่วงแรกบริษัทก็จะใช้กำลังคนที่มีอยู่ในการให้บริการไปก่อนแต่หากมีลูกหนี้มาติดต่อจำนวนมาก อาจจะใช้หน่วยงานภายนอก หรือเอาท์ซอสซ์ แบบชั่วคราวด้วย

โดยปัจจุบันบริษัทมี สาขารวมสำนักงานใหญ่เป็น 5 แห่ง มีพนักงานกว่า 560 คน โดยสำนักงานใหญ่ได้ย้ายไปอยู่ตึกเล้าเปงง้วน ถ.วิภาวดี โดยมีคลินิกแก้หนี้ตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่ด้วย และมีสาขาในต่างจังหวัดอีก 4 แห่ง คือ ที่เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี

“ในโครงการนี้ SAM เป็นคนกลางในการบริหารจัดการหนี้ โดยจะคิดค่าบริหารจัดการหนี้กับทางธนาคารพาณิชย์เจ้าหนี้ในอัตราประมาณ 5-7% ของหนี้ที่ติดตามได้ ซึ่งต้องบอกว่าโครงการนี้เราไม่ได้หวังที่จะทำกำไร แต่ทำเพื่อช่วยเหลือรัฐบาล แต่ก็ต้องให้เราอยู่ได้ด้วย”

ทั้งนี้ สำหรับลูกหนี้ที่สนใจจะเข้าโครงการนั้น แนะนำให้ตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองก่อน ว่าสามารถเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่ ก่อนที่จะมาติดต่อบริษัท หรือโทรมาสอบถามข้อมูลก่อนได้ เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งหากลูกหนี้มีคุณสมบัติครบถ้วน และยื่นเอกสารให้บริษัทครบ ก็สามารถพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการได้ภายใน 2 สัปดาห์

นายนิยต กล่าวต่อว่า แม้บริษัทจะทำโครงการคลินิกแก้หนี้ แต่ในส่วนงานอื่นของบริษัทก็จะต้องดำเนินการต่อไปตามแผน ทั้งการรับซื้อหนี้มาบริหารและการขายทรัพย์สิน หรือเอ็นพีเอ โดยปีนี้บริษัทมีแผนที่จะบริหารจัดการขายสินทรัพย์และบริหารหนี้เพื่อให้มีเงินสดเข้ามาประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดย 5 พันล้านบาทจะใช้สำหรับการรับซื้อหนี้เข้ามาบริหาร ส่วนอีก 5 พันล้านบาท จะนำไปคืนให้กับกองทุนฟื้นฟูฯ

“นอกจากโครงการคลินิกแก้หนี้แล้ว SAM ยังมีแแผนจะทำโครงการอื่นๆ ร่วมกับหน่วยงานของรัฐได้ แต่ยังไม่มีความชัดเจน โครงการนี้ถือว่าชัดเจนสุด"

นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา ผู้ให้บริการบัตรเครดิตกรุงศรี บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน บัตรเครดิตเทสโก้โลตัสวีซ่า กล่าวว่า คลินิกแก้หนี้จะช่วยลูกหนี้ไร้หลักประกันในกลุ่มที่กว้างขึ้นซึ่งแน่นอนว่าสัดส่วน 80-90% จะมีหนี้กับหลายสถาบันการเงิน หรือมีบัตรเครดิตมากกว่า 1 ธนาคาร การมีแซมมาเป็นคนกลางช่วยบริหารจัดการจะทำให้ลูกหนี้มีความสะดวกยิ่งขึ้นรวมทั้งการยืดหนี้ก็มีระยะเวลาที่ยาวกว่าที่ธนาคารให้กับลูกหนี้ และที่สำคัญก็คือคิดอัตราดอกเบี้ยถูกกว่ามากเพดาน 7%

สำหรับสัดส่วนลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิตยังคงเป็นกลุ่มคนทำงานที่อยู่ในวัยเบบี้บูมหรือกลุ่มเจนเอ็กซ์ มากกว่ากลุ่มเจนวายหรือกลุ่มเริ่มต้นทำงานใหม่ เนื่องจากหลักเกณฑ์ของการทำบัตรเครดิตได้กำหนดอัตรารายได้ขั้นต่ำไว้ที่ 15,000 บาทต่อเดือน เพียงแต่กลุ่มเจนวายหรือคนอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะเป็นหนี้เร็วขึ้นและเป็นหนี้เสียมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าลูกหนี้บางส่วนที่เป็นหนี้เสียเพราะนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น อาจนำเงินจากบัตรเครดิตหรือเงินจากสินเชื่อบุคคลไปทำธุรกิจ แล้วหมุนเงินไม่ทันทำให้เกิดเป็นหนี้เสีย หรือบางคนเกิดเหตุการณ์ต้องใช้เงินฉุกเฉิน เช่นช่วงสถานการณ์เปิดเทอม หรือเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นต้น