แบงก์ชี้ 'ลดดอกเบี้ย' กระทบกำไรน้อย

แบงก์ชี้ 'ลดดอกเบี้ย' กระทบกำไรน้อย

แบงก์ชี้ลดดบ."กระทบกำไรน้อย" เล็งลดต้นทุน-หารายได้อื่นชดเชย โบรกเกอร์ประเมินฉุดกำไรแบงก์ใหญ่ไม่เกิน 3% คงน้ำหนักลงทุนหุ้นมากกว่าตลาด

แบงก์ชี้ลดดอกเบี้ยกระทบรายได้และกำไรน้อยแต่ช่วยบริหารความเสี่ยงเรื่องสำรองเพราะหากลูกค้ามีปัญหาต้องกันสำรองเพิ่มยืนยันไม่ปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากตามมั่นใจหารายได้อื่นชดเชยได้

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง อาจจะกระทบต่อการทำกำไรบ้างแต่ไม่มาก อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยธนาคารก็ต้องมีการปรับลดต้นทุนการเงินและต้นทุนการดำเนินงาน พร้อมทั้งมองหารายได้จากช่องทางอื่นเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามธนาคารไม่มีแผนลดดอกเบี้ยเงินฝากลงอย่างแน่นอน

“การลดดอกเบี้ยลงครั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการลดดอกเบี้ยเป็นเพียงมาตรการหนึ่งในการหนุนการเติบโตเศรษฐกิจเท่านั้น การะกระตุ้นเศรษฐกิจยังต้องใช้ทั้งมาตรการการคลังและมาตรการการเงิน”

สำหรับสินเชื่อปีนี้มั่นใจตามเป้า 4-6% โดยไตรมาส 2-3 จะเห็นการเติบโตสินเชื่อมากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกเพราะการลงทุนภาครัฐจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้นและการส่งออกฟื้นตัวทำให้มีความต้องการสินเชื่อสูงขึ้นและจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง

ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ไทยพาณิชย์ ตัดสินใจลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงทุกประเภทเทียบกับธนาคารพาณิชย์ใหญ่อีก3แห่ง ที่ปรับลงบางประเภท เพื่อให้การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ เป็นประโยชน์กับลูกค้าทุกกลุ่มและก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี หากสามารถฟื้นตัวและต่อยอดธุรกิจได้ต่อไป ก็จะช่วยให้คุณภาพหนี้ของธนาคารปรับตัวดีขึ้น ภาระการตั้งสำรองหนี้เสียก็จะลดลง ซึ่งจะช่วยรักษาความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในที่สุด

“การปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงทั้งกระดาน อาจมีผลให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงแต่เราประเมินแล้วว่าอยู่ในระดับที่รับได้และสามารถหารายได้จากส่วนอื่นๆมาชดเชยได้ดังนั้นจึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญ” 

 ด้าน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินธนาคารใหญ่ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25-0.50% คาดส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิปี2560 ประมาณ 2-3% (บนสมมติฐาน NIM ลดลง 0.05%) อย่างไรก็ตาม มองว่ากลุ่มธนาคาร โดนแรงขายรับข่าวดังกล่าวไปแล้วส่วนหนึ่งเมื่อวานก่อน 

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ มองว่าธนาคารใหญ่ลดดอกเบี้ยกระทบกำไรสุทธิปีนี้ไม่ถึง 3% จึงยังไม่ปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย สอดคล้องกับ บล.โนมูระพัฒนสิน ที่ประเมินกระทบต่อกำไรราว 1.5-3.2% เท่านั้น ขณะที่ประเด็นนี้คาดจะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีมีภาระดอกเบี้ยที่ลดลง คาดจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงถัดไปได้

ส่วน บล.เอเซียพลัส คาดว่า ผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ และเอ็มโออาร์ ซึ่งมีสัดส่วนราว 30% ของสินเชื่อรวม จะกระทบต่อส่วนต่างดอกเบี้ย (Spread) ในปี 2560 เพียง 6 เดือน หรือ นับจากไตรมาส 3 เป็นต้นไป ราว 0.0625% หรือกระทบกำไรของกลุ่มราว 2.5% ของประมาณการเดิม (ทุก 0.25% ที่ลดลงกระทบกำไรสุทธิของกลุ่มราว 10%) จึงกระทบราคาหุ้นธนาคารช่วงสั้นไม่เกิน 2.5-3% จึงยังคงน้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาด

ขณะที่ราคาหุ้นธนาคารใหญ่ปรับตัวลงสวนทางดัชนีหุ้นที่บวก 8.93 จุด โดยหุ้นกสิกรไทยปิดตลาด 182.50 บาทลดลง 2.50 บาทหรือ 1.35% ไทยพาณิชย์ปิดตลาด 150.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 0.99% กรุงเทพปิดตลาด 178 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ  0.84% ส่วนกรุงไทยไม่เปลี่ยนแปลง