TICON - ถือ

TICON - ถือ

ภาวะลงทุนที่ซบเซา ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”

ประเด็นการลงทุน

โดยปกติแล้วราคาหุ้นของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะถูกกระตุ้นโดยแนวโน้มยอดขายและอัตราการเช่าที่ ในภาวะการลงทุนที่ชะลอตัวและความผิดหวังของตลาดต่อผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่ไม่สามารถประกาศแผนธุรกิจได้เร็วตามที่ตลาดมอง ส่งผลให้ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับลดลงกว่า 15% อย่างไรก็ตามปัจจุบันราคาหุ้น TICON ซื้อขายอยู่ค่า PBV 0.9 เท่า เป็นส่วนลด จากค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.3 เท่าอยู่ 34% นั่นหมายความว่าตลาดได้สะท้อนปัจจัยข้างต้นเรียบร้อยแล้ว (จากข้อมูลในอดีต เป็นไปได้น้อยมากที่ PBV จะลดลงต่ำกว่า 1.0 เท่า และจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ)

เราปรับลดคำแนะนำของเราจาก “ซื้อ” มาเป็น “ถือ” จนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของอุปสงค์จากโรงงานและโกดังสินค้า หรือมีแผนกลยุทธ์ธุรกิจที่ชัดเจนจากผู้บริหารกลุ่มใหม่ ทั้งนี้เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่ยังไม่คลุมเครือและยังมีความเสี่ยงอยู่ เราเชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะซื้อขายอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่ราว 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (เทียบเท่า PBV ที่ 1.0 เท่า) ส่งผลให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2560 ปรับลดมาอยู่ที่ 15.30 บาท (จาก 23 บาท)


สภาวะการลงทุนที่ซบเซา...

ตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือที่สุดในการลงทุนอุตสาหกรรมในอนาคตคือตัวเลขของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. 2560 มูลค่าการอนุมัติการลงทุนของ BOI ลดลง 31% YoY โดยอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการอนุมัติลดลงมากที่สุดคืออุตสาหกรรมปิโตรเคมี พลาสติก & กระดาษ และอุตสาหกรรมประเภทอิเล็กโทรนิค (ดูรูป 1) โดยบริษัทที่ทำ
ธุรกิจอิเล็กโทรนิคเช่าโรงงานของ TICON อยู่ที่ประมาณ 30% เราจึงคาดว่าอัตราการเช่าโรงงานจะยังคงมีปัจจัยกดดันไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน


...ส่งผลให้รายได้มีแนวโน้มลดลง QoQ ในไตรมาส 1/60

เนื่องจากอัตราการเช่าที่มีแนวโน้มอ่อนตัวมากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ เราจึงมองว่ามูลค่าสัญญาที่สิ้นอายุจะมากกว่ามูลค่าสัญญาใหม่ ทำให้คาดว่า รายได้จากการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 จะประกาศลดลงราว 2% QoQ เนื่องจากอัตราการเช่าที่ที่ลดลง (ถึงแม้ว่าราคาเฉลี่ยค่าเช่าจะปรับตัวสูงขึ้น QoQ) อย่างไรก็ตามเรามองว่ารายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 33% YoY จากพื้นที่ใหม่ซึ่งปล่อยให้เช่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และอัตราค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้น


...หากแต่ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจะส่งผลให้กำไรหลักพลิกกลับมาทำกำไร

ถึงแม้ว่ารายได้อาจจะปรับตัวลดลง QoQ หากแต่ตัวเลขกำไรหลักไตรมาส 1/60 คาดว่าจะพลิกกลับเป็นกำไรที่ 17 ล้านบาท (จากเดิมขาดทุน 92 ล้านบาทในไตรมาส 1/59 และ 67 ล้านบาทในไตรมาส 4/59) ซึ่งมีปัจจัย ดังนี้ 1)ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง โดยเราคาดว่าภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง 20% YoY และ 21% QoQ ซึ่ง TICON มีแผนชำระหุ้นกุ้มูลค่า 1.1 พันล้านบาทในไตรมาส 1/60 และ 2) อัตราค่าเช่าที่เพิ่มสูงขึ้น YoY ขณะที่ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นกระตุ้นให้กำไรสุทธิหลังหักภาษีปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ แต่การที่บริษัทไม่มีกำไรพิเศษ (การขายที่ดินมูลค่า 348 ล้านบาทซึ่งถูกบันทึกในไตรมาส 1/59)น่าจะทำให้กำไร YoY ลดลงเราประมาณการการเติบโตของกำไรสุทธิหลังหักภาษีว่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ นั้นมาจากการลดต้นทุนทางการเงินและอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้น แต่หากผลการดำเนินงานของ TICON ยังดูเหมือนจะไม่สู้ดีนัก ทั้งนี้เนื่องจากยังไม่มีการประกาศแผนธุรกิจที่ชัดเจน หรือแนวโน้มการอนุมัติการลงทุนของ BOI ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในระยะสั้ น เราจึงปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2560 ลง 61% มาอยู่ที่ 183 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าตลาดจะแนวโน้มปรับประมาณการ์ณกำไรลงเช่นกัน