'ธปท.' ตั้งคลินิกแก้หนี้

'ธปท.' ตั้งคลินิกแก้หนี้

"ธปท."ตั้งคลินิกแก้หนี้ ดึง "17แบงก์" เข้าร่วม

“แบงก์ชาติ” เตรียมเปิดตัว “คลินิกแก้หนี้” ตั้ง “แซม” เป็นตัวกลางเคลียร์ปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน เผยมี 17 แบงก์เข้าร่วมเตรียมเซ็นสัญญา 17 พ.ค.นี้ เคาะคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้าร่วมต้องมีหนี้มากกว่า 2 แบงก์ขึ้นไป มีรายได้ประจำ มูลหนี้ไม่เกิน 2 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เตรียมเปิดตัวโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน หรือ “คลินิกแก้หนี้” ในสัปดาห์หน้า โดยตั้ง บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด หรือ “แซม” เป็นหน่วยงานกลาง เพื่อให้ประชาชนแก้ไขปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุติในคราวเดียว และบริหารจัดการชำระหนี้ของตัวเองได้อย่างเหมาะสมตามความสามารถที่แท้จริง ควบคู่กับการเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดี

โดยในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ธปท.จะจัดให้มีการลงนามข้อตกลงร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ เบื้องต้นมีจำนวน 17 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารไอซีบีซี ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) ธนาคารธนชาต ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ธนาคารทิสโก้ ธนาคารยูโอบี ซีตี้แบงก์ และ แบงก์ออฟไชน่า

“โครงการคลินิกแก้หนี้ ได้ตกลงร่วมกันแต่งตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท เป็นหน่วยงานกลาง เพื่อให้ประชาชนแก้ไขปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุติในคราวเดียว และบริหารจัดการชำระหนี้ของตนเองได้อย่างเหมาะสมตามความสามารถที่แท้จริง ควบคู่กับการเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดี”

สำหรับคุณสมบัติของลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นบุคคลธรรมดาอายุไม่เกิน 65 ปี (ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้) เป็นผู้ที่มีภาระหนี้ค้างชำระกับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 1 แห่ง ก่อนวันที่ 1 พ.ค.2560 มูลหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท และต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ประจำ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงโดยอยู่ที่ 4-7%

ส่วนหนี้บัตรเครดิต ต้องเป็นหนี้บัตรที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมในโครงการนี้เท่านั้น ยกเว้นบัตรเครดิตที่ออกโดยบริษัทในเครือของธนาคาร

หากลูกหนี้มีหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายรายและต้องการปลดภาระหนี้สินทั้งสิ้น โครงการฯ จะช่วยหาแนวทางการชำระหนี้ตามความสามารถที่แท้จริงของลูกหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้ได้ข้อยุติในคราวเดียว โดยจะมีโอกาสและความสะดวกมากขึ้น เพียงมาเจรจาที่คลินิกแก้หนี้ที่เดียว ก็เสมือนได้ติดต่อกับเจ้าหนี้ทุกรายแทนลูกหนี้ ซึ่งเป็นลักษณะ One Stop Service

โดยแตกต่างจากที่ผ่านมา กรณีที่ลูกหนี้มีเจ้าหนี้หลายรายและตั้งใจจะปลดภาระหนี้สินทั้งหมด ลูกหนี้จะต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้ทีละรายๆ จนครบทุกราย ซึ่งยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะเจ้าหนี้แต่ละรายมีหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่แตกต่างกัน

สำหรับโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ดังกล่าว ธปท. กำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2560