เปิดแผน 3 ปี Wongnai เส้นทางสู่ไอพีโอ

เปิดแผน 3 ปี Wongnai เส้นทางสู่ไอพีโอ

ทำอย่างไรให้เป็นบริษัทนี้ไม่ใช่แค่เป็นสตาร์ทอัพใหญ่ลำดับต้นๆ แต่เป็นบริษัทที่สร้างแรงกระเพื่อมในระดับประเทศได้จริง

ในช่วงเวลา 6-7 ปีที่ผ่านมา ยอด ชินสุภัคกุล กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งบริษัท วงใน มีเดีย จำกัด หรือWongnai เว็บไซต์และแอปพลิเคชันค้นหาและรีวิวร้านอาหาร บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ทีมงานได้เรียนรู้เยอะมากแล้วเมื่อผ่านช่วงเวลาต่างๆ มาได้ทำให้เราเริ่มมองไกลถึงก้าวที่ใหญ่ขึ้น นั่นคือ การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ไอพีโอ

มองย้อนไปถึงช่วงแรกๆ ของ “วงใน” ที่ทุกอย่างยังไม่ค่อยพร้อม โดยเฉพาะภาพรวมตลาด สตาร์ทอัพยังมีน้อยราย ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตยังอยู่ในจำนวนที่ไม่มากเท่าวันนี้ 

“เราเรียนรู้เยอะมากเลยครับ ในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มจากที่ไม่ค่อยมีคนใช้งานอินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟนก็ยังใช้น้อย อินเตอร์เน็ตยังเป็น 2 G ด้วยซ้ำ ยากลำบากมากที่จะให้คนมาใช้ ตอนนั้นเฟซบุ๊คเริ่มเข้ามาได้ไม่นาน คนยังไม่ค่อยเปิดเซอร์วิสใหม่ๆ ที่เป็นออนไลน์เท่าไหร่”

การที่ “วงใน” ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมาได้ ยอด ย้ำว่านั่นเป็นบทเรียนสำคัญให้ทีมงานรู้จักอดทน รู้จักที่จะรอ รู้ว่าความพยายาม ความอดทนสำคัญมากแค่ไหน  รู้ด้วยว่าเวลาที่ใช่นั้นยังมาไม่ถึง แต่รู้ว่าสักวันจะเดินทางมาถึงได้จริงๆ

จากให้บริการค้นหา และรีวิวร้านอาหารผ่านช่องทางดิจิทัล ในช่องทางเว็บไซต์ Wongnai.com เเอปพลิเคชันมือถือ ระบบ iOS และ Android โดยให้ผู้ใช้ทำการค้นหาร้านอาหารทั่วประเทศไทย ตามสถานที่และประเภทได้ทุกเวลาที่ต้องการ พร้อมทั้งการอัพรูปและรีวิวร้านและอาหารที่ชอบไปด้วย ทำให้ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมากด้วยจำนวนยอดสมาชิกลงทะเบียนกว่า 2,500,000 ราย กับ ฐานข้อมูลร้านอาหารกว่า 200,000 ร้านในไทย ซึ่งถือเป็นคลังข้อมูลที่มากพอสำหรับการต่อยอดธุรกิจที่ไม่ใช่แค่ “อาหาร”

“Wongnai Beauty” แอพพลิเคชั่นที่เปิดตัวไปในปี 2557 เจาะตลาดสาวๆ 18-45 ปีที่ชื่นชอบและใส่ใจในความงามได้ค้นหาคลินิก สปา และซาลอนกว่า 1,000 แห่งทั่วกรุงเทพฯ โดยมีส่วนลดพิเศษจากแบรนด์ดัง

“เฉพาะวงในบิวตี้ ปีที่แล้วสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งในแง่ทราฟฟิค และ รายได้ที่โตเป็น 3 เท่า”

 ล่าสุดกับ “Wongnai Cooking” อีกหนึ่งบริการที่ทำท่าว่าจะไปได้ดี กับ 3 สิ่งที่คนอยากรู้หากเป็นเรื่องอาหาร นั่นคือ “สูตร-วัตถุดิบ-วิธีทำ”

ที่ผ่านมา ทีมงานวงในเริ่มทดลองปล่อยวิดีโอการทำอาหารทั้งคาวหวานในช่องทางเฟซบุ๊คให้คนที่แม้จะไม่เก่งเรื่องการทำอาหารก็มองเป็นเรื่องง่ายและเริ่มลุกขึ้นมาทำอาหารสักอย่างทานกันในบ้าน โดยแรงหนุนมาจากสปอนเซอร์ประเภทอุปกรณ์ครัว วัตถุดิบต่างๆ เช่น นม เป็นต้น 

ในอนาคตในส่วนของ Cooking จะเปิดให้คนสามารถใส่สูตรอาหารเข้ามาบนแพลตฟอร์มนี้ได้ พร้อมกับเปิดให้รีวิวได้ว่าสูตรนั้นเมื่อนำไปทำทานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีมากเป็นหมื่นๆ สูตร แล้วยังรู้ได้ด้วยว่าสูตรไหนที่ได้รับความนิยม

บริการนี้จึงไม่ใช่แค่ความรู้เรื่องอาหาร แต่ยังอิ่มท้อง และสนุกไปพร้อมๆ รวมถึงรายได้จากสปอนเซอร์ที่มาจากแบรนด์ต่างๆ 

“ที่สุดแล้วจะเกิดเป็น User-Generated Content (UGC) ที่เกิดขึ้น โดยเปิดให้คนที่มีสูตรเด็ดๆ ได้มาแชร์และรีวิว แต่ละคนสามารถเข้ามาค้นหาสูตรอาหารที่ตัวเองต้องการได้”

นอกจากบริิการใหม่ๆที่ออกมาแล้ว อีกแนวทางที่ “วงใน” โฟกัสก็คือการเดินและโตไปพร้อมพันธมิตร สะท้อนผ่านงาน Wongnai Connect 2017 ที่เปิดความร่วมมือกับพันธมิตร ได้แก่  LINE Thailand กับบริการ Wongnai LINEMAN Delivery การสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ออนไลน์

ร่วมมือกับ Alipay ผู้ให้บริการจ่ายเงินออนไลน์ของจีนในเครือ Alibaba และ TrueMoney ในการจ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E–payment ให้กับร้านอาหารผ่านแอปพลิเคชันมองที่การขยายโอกาสทางการตลาดร่วมกันในการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถใช้จ่ายผ่าน Alipay wallet เมื่อเดินทางท่องเที่ยวและทานอาหารในประเทศไทยเป็นก้าว

และล่าสุดกับบริการ ‘LINE Chat BOT’ ในชื่อ Wongnai's Official Account อีกช่องทางการค้นหาร้านอาหารบน LINE

“ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่จะพาเราไปสู่ Lifestyle Platform เต็มรูปแบบ ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร ความสวยความงาม การทำอาหาร”  

ย้อนมองในวันเริ่มต้นที่ไม่มีอะไรง่าย แต่เมื่อผ่านมาได้ก็ทำให้ทีมเข้มแข็ง และพร้อมจะมองไปข้างหน้ามากขึ้น 

"ถึงช่วงนี้มองมองว่า Sustain แล้ว เรามีกำไรและรายได้มากพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้และขยายไปในธุรกิจอื่น จากนี้ต้องมองอนาคตว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อให้เป็นบริษัทนี้ไม่ใช่แค่เป็นสตาร์ทอัพใหญ่ลำดับต้นๆ เท่านั้น แต่เป็นบริษัทที่สร้างแรงกระเพื่อมในระดับประเทศได้จริง

ในฐานะสตาร์ทอัพรุ่นพี่ในวงการนี้ เราก็อยากทำให้วงการเติบโต"

สำหรับ ยอด แล้วการพา “วงใน” เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้เป็นคำตอบของการเดินทางมาตลอด 7 ปีของ “วงใน” ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ และการมีส่วนช่วยให้คนอยากทำสตาร์ทอัพมากขึ้น

“KPI ของเรา คือ IPO มั่นใจว่าภายใน3 ปีนับจากนี้เราต้องทำให้ได้ ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นจะทำให้สเกลบริษัทใหญ่เป็นหลายเท่า และเรามีโอกาสลงทุนในสตาร์ทอัพใหม่ๆที่น่าสนใจ”

แต่กว่าจะเดินไปถึงเป้าหมายนั้นได้ตลอดเส้นทางนับจากนี้ก็ไม่มีอะไรง่าย 

ยอด บอกที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า “วงใน” เน้นที่ Growth มาก่อนเรื่องของต้นทุน บัญชี และ Corporate Governance แต่การทำงานนับจากนี้ไปจำเป็นต้องโฟกัส Botton Line ให้มากขึ้นกว่าเดิม

“เราไม่ค่อยมาดูเรื่องคอร์ส กำไร บัญชี Corporate governance มากนัก แต่จากนี้ไปเรื่องพวกนี้ต้องแน่นขึ้น เพราะเรากำลังเปลี่ยนจากบริษัททำงานบ้านๆ เป็นบริษัทที่ใหญ่ขึ้น ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านของเรา”

ถึงวันนี้ ในฐานะผู้นำองค์กร และสตาร์ทอัพรุ่นพี่ในวงการ ยอด ชี้ให้เห็นว่า ในทุกๆ วันจะมีโอกาสใหม่ขึ้นมาเสมอ

"เป็นเรื่องที่ดีที่คนอยากทำสตาร์ทอัพกันเยอะขึ้น เพราะคนทำสตาร์ทอัพจะมีฝันใหญ่ อยากเปลี่ยนโลกใบนี้ แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังเพราะความสำเร็จเกิดขึ้นไม่สูงนักและต้องใช้เวลา

การพาวงในไปสู่สเกลที่ใหญ่ขึ้น นอกจากเป้าหมายของการเติบโตที่ยั่งยืนแล้ว ในอีกมุมอยากทำให้เห็นว่า การเป็นสตาร์ทอัพก็ใหญ่ได้"