แกะรอยเปิดแฟ้มปิดคดีดัง อุ้มฆ่าสุดโหดหนุ่มหล่อเมืองชัยภูมิ

แกะรอยเปิดแฟ้มปิดคดีดัง อุ้มฆ่าสุดโหดหนุ่มหล่อเมืองชัยภูมิ

แกะรอยเปิดแฟ้มปิดคดีดัง อุ้มฆ่าสุดโหดหนุ่มหล่อเมืองชัยภูมิ วิกฤต !! การใช้ความรุนแรงเยาวชนไทย

เป็นที่กล่าวขานถึงความโหดเหี้ยมไปทั่วหลังเกิดเหตุคดีฆ่าโหดนำศพไปเผาและฝังดินซ้ำหนุ่มหล่อเมืองชัยภูมิ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างติดต่อกับทางญาติว่าจะเดินทางกลับมาบ้านที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 8 เม.ย.60 ที่ผ่านมา จนขาดการติดต่อหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหายตัวไปนานกว่า 18 วัน จนเมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 เม.ย.60 ที่ผ่านมามีคนมาพบกลายเป็นศพถูกเผาและฝังอำพรางในป่า

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองชัยภูมิและโคราช รวมทั้งกองปราบ ก็ได้เร่งเกาะรอยติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็วในช่วงเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา และสิ่งที่น่าตกใจคือผู้ก่อเหตุครั้งนี้เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือนายหมูหยอง ที่ค่อนข้างมีประวัติการก่อคดีมาอย่างโชกโชนมาตั้งแต่อายุย่าง 14 ปี มีคดีติดตัวเคยก่อคดีฆ่าชิงทรัพย์ผู้อื่นมาแล้วถึง 2 คดี เมื่อปี 2555 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ และเมื่อช่วงปี 2559 ที่เขตกรุงเทพฯ อยู่ระหว่างหนีคดีขอประกันตัวในชั้นศาลออกมาหลบอยู่ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ

และพี่ชายวัย 22 ปีอีกคน ที่ครั้งนี้มีการนัดวางแผนร่วมกันก่อเหตุอุ้มฆ่าเผาฝังดินอย่างโหดเหี้ยม อย่างไม่คิดเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง หวังเพียงความต้องการของตนเองที่อยากได้เงินจากการฆ่าชิงรถเก๋งผู้ตายไปขายต่อเพื่อจะนำมาซื้อรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่ตนเองอยากได้เท่านั้น

คำให้การของ นายหมูหยอง เมื่อช่วงเวลา 19.00 น.วันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้ ให้การรับสารภาพจนหมดเปลือกว่าก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับนายนิรันดร์ หนุ่มหล่อวัย 25 ปี ผู้ตาย ทางโซเชียล ดีท็อกซ์ ในอินเตอร์เน็ตของกลุ่มชายสีม่วงชายรักชาย เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ก็ได้พากันนั่งคิดกับพี่ชาย ผู้ร่วมก่อเหตุขึ้นมาทันทีแล้วว่า น่าจะวางแผนหลอกมาฆ่าชิงทรัพย์ขึ้นทันที

ได้พยายามติดต่อกับนายนิรันดร์ผู้ตาย หลังจากทราบว่าจะเข้ารับปริญญา เสร็จในวันที่ 5 เม.ย. และจะได้เดินทางกลับมาบ้านที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อมารับการตรวจการคัดเลือกการเกณฑ์ทหาร ที่อำเภอบ้านเขว้าบ้านเกิดของผู้ตาย และจับได้ใบดำ จึงไม่ได้รับการคัดเลือกเป็นทหารเกณฑ์ จึงนัดเพื่อนๆทั้งกลุ่มชายมีม่วงและเพื่อสาวประเภทสอง มารวมดื่มฉลองกินเลี้ยงกันที่ ผับดังแห่งในเมืองชัยภูมิ โดยนายนิรันดร์ ผู้ตาย เองก็ ได้โทรศัพท์นัดให้นายหมูหยองและนายวัชระ 2 ผู้ต้องหา มารวมงานเลี้ยงด้วย

ขณะดื่มกินกันที่ผับ นายหมูหยอง ได้สังเกตเห็นว่านายนิรันดร์ หนุ่มหล่อ ค่อนข้างมีเงินทองจำนวนมากและยังมีรถเก๋งและโทรศัพท์ไอโฟน 7 อีกด้วย จึงอยากได้มากขึ้น

จึงวางแผนกับนายวัชระพี่ชาย ว่าจะกระทำการฆ่าชิงทรัพย์นายนิรันดร์ ในช่วงหลังจากเลิกงาน แต่โอกาสไม่อำนวยมีเพื่อนของนายนิรันดร์ อยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก จึงได้ยกเลิกแผนการ

ในวันรุ่งขึ้นนายนิรันดร์ ได้มาทำพิธีวิ่งแก้บนที่บริเวณรอบอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล หน้าศาลากลางจังหวัด ในตัวเมืองชัยภูมิกับนายแรมโบ้หรือพระแรมโบ้ เพื่อนชายคนสนิทอีกคนที่รู้ว่าผู้ตายกับกำลังไปชอบพอกับ 2 ผู้ต้องหา และก็ได้เจอกับนายหมูหยอง ที่มาดักรออยู่ที่หน้าอนุสาวรีเจ้าพ่อพระยาแล หลังจากนั้นนายนิรันดร์ ได้บอกกับนายหมูหยองว่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อไปทำพาสปอร์ต เพื่อเดินทางไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศ โดยจะเดินทางกลับมาที่จังหวัดชัยภูมิภูมิอีกครั้ง ในช่วงก่อนวันสงกรานต์ในวันที่ 8 เม.ย.

นายหมูหยอง จึงได้ไปหานายวัชระ และพากันออกมาเตรียมวางแผนฆ่าผู้ตาย ที่ร้านค้าหน้าทางเข้าหมู่บ้านกุดเม็ง ต.ชีลอง อ.เมืองชัยภูมิ ให้ชัดเจนอีกเป็นครั้งที่สอง เพื่อร่วมวางแผนฆ่าชิงทรัพย์เอารถและโทรศัพท์ไอโฟน7 เพื่อนำไปขายเอาเงินมาแบ่งกัน

จนต่อมาในวันที่ 8 เม.ย. นายหมูหยอง ได้ติดต่อกับไปหานายนิรันดร์ฯ ให้ยืนยันอีกครั้งว่าจะกลับมาวันไหน ซึ่งนายนิรันดร์ ก็ยืนยันว่ากำลังขับรถเดินทางกลับมาบ้านที่จังหวัดชัยภูมิ และได้นัดพบกับนายหมูหยอง ให้มารออยู่ในตัวเมืองชัยภูมิ

ซึ่งการเกาะรอยของเจ้าหน้าที่มาตั้งแต่ในช่วงสายของวันที่ 8 เมษายน นายนิรันดร์ ขับรถออกจากหอพักมากับนายปรีชา เพื่อนชายสีม่วง เพื่อมาส่งนายปรีชา ที่บ้านพัก ใน อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา และทั้งคู่ได้แวะพักผ่อนหลับนอนกันที่ ศรีพากรวิวรีสอท์ นานกว่า 2 ชั่วโมง

หลังจากนั้นทั้งสองได้แยกย้ายกัน โดยนายนิรันดร์ ได้ขับรถตามถนนสาย 201 ผ่านอำเภอด่านขุนทด เข้าเขตจังหวัดชัยภูมิผ่าน ต.หนองบัวโคก อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ และได้โทรศัพท์ถึงครอบครัวบอกให้แม่ทำอาหารโปรดข้าวเจียวไข่ไว้รอให้รับประทานด้วย หลังขับรถใกล้ถึงบ้านพักนายนิรันดร์ ก็ได้รับโทรศัพท์ จากนายหมูหยอง ขอให้มาแวะหาที่ห้องเช่าหอพัก ที่บริเวณข้างศาลเจ้าพ่อพระยาแล ที่ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านหนองปลาเฒ่า ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ นายนิรันดร์ก็ได้ขับรถมาหานายหมูหยองก่อนจะเข้าบ้าน

ซึ่งก็เป็นไปตามแผนฆ่า ได้มีการดื่มกันเหล้าเบียร์กันก่อน จากนั้นนายมีกิจกรรมร่วมเพศกันระหว่างนายหยองกับนายนิรันดร์ โดยนายหมูหยองได้ใช้โอกาสที่นายนิรันดร์ นอนคว่ำหน้าลงกับที่นอนและนายหมูหยองอยู่ด้านหลัง ชักมีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต ออกมาจากที่ซ่อนบนหัวเตียงนอน ออกมาจ้วงแทงนายนิรันดร์ โดยเลือกแทงที่บริเวณซี่โครงด้านซ้ายใต้ราวนมตัดขั้วหัวใจ อย่างไม่ยั้งนับ 10 แผล จนขาดใจตาย หลังจากนั้นได้เอาผ้ามาปกปิดศพไว้และได้เรียกนายวัชระเข้ามาช่วย พากันขับรถเก๋งของนายนิรันดร์ ผู้ตาย ไปเอาจอบเสียม ที่เตรียมไว้ที่บ้านนายวัชระฯพี่ชาย มาช่วยกันขุดหลุมนำเอกสารและศพผู้ตายลงไปเผา ก่อนที่จะช่วยกันฝังศพในป่ายูคาอำพรางคดีทิ้งไว้ ใกล้เมรุเผาศพหลังวัดบ้านโสกตลับ ต.โคกสูง อ.เมืองชัยภูมิ ที่อยู่ห่างจากบ้านนายวัชระออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร

หลังจากนั้นก็พากันเดินทางกลับมานอน ที่หอพักดังกล่าว เมื่อรุ่งเช้านายหมูหยอง ขับรถเก๋งของผุ้ตาย ออกตะเวนไปบอกขายตามเต็นท์รถมือสองในเมืองชัยภูมิไปหลายแห่ง แต่ไม่ใครซื้อเพราะไม่มีหลักฐานป้ายทะเบียนและสมุดทะเบียนครบ จึงได้กลับมาที่หอพักอีกครั้ง และเปิดเฟสบุ๊คประกาศขายรถเก๋งคันดังกล่าวในราคา 100,000 บาท จนต่อมาได้มีผู้สนใจมาติดต่อของซื้อรถคันดังกล่าวผ่านเฟสบุ๊ค โดยให้นำรถมาส่งมอบให้ที่กรุงเทพฯ นายหมูหยอง จึงได้ขับรถเข้ากรุงเทพฯเพื่อนำรถไปขายตามนัด และเนื่องจากรถคันดังกล่าวไม่มีหลักฐานใดๆมาด้วย ผู้ซื้อจึงได้ ให้เงินมัดจำกับนายหยองไว้เป็นจำนวนเพียง 25,000 บาทและให้นายหยอง นำหลักฐานชุดโอนมาให้ภายหลัง จึงจะจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้

ต่อมานายหมูหยองเดินทางกลับมาหานายวัชระที่บ้านพักที่หมู่บ้านกุดเม็ง ต.ชีลอง อ.เมืองชัยภูมิ เพื่อนนำเงินมาแบ่งกันและได้เอาโทรศัพท์ไอโฟน 7 ให้กับนายวัชระไว้ใช้ แต่นายวัชระใช้ไม่เป็น จึงโยนทิ้งลงสระน้ำข้างบ้าน หลังจากนั้นนายหมูหยองได้แยกย้ายกับนายวัชระ พี่ชาย แล้วเดินทางไปหาอดีตแฟนสาวที่ บ้านหนองแวง ต.ซับสีทอง อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูแลนคา

จุดเริ่มต้นของการติดตามเกาะรอยคดีเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2560 เวลา 08.00น. พ.ต.ท.จิตติพัฒน์ คำรังสี พนักงานสอบสวน สภ.ชัยภูมิได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านโสกตลับ หมู่ 2 ต.โคกสูง อ. จ.ชัยภูมิ ว่า มีชาวบ้านที่ออกไปหาแหย่ไข่มดแดงในป่ายูคาหลังวัด พบนิ้วเท้ามนุษย์โผล่ขึ้นมาเหนือดิน ภายในบริเวณป่าท้ายหมู่บ้านด้านหลังที่เมรุเผาศพหลังวัดบ้านโสก เจ้าหน้าที่จึงได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างคุณธรรมจังหวัดชัยภูมิ นำอุปกรณ์มาขุดเพื่อนำศพที่ฝังไว้ลึกกว่า 60 ซม. สภาพนอนหงาย ทั่วร่างมีหนอนไต่ยั้วเยี้ย พบกระเป๋าผ้า1ใบมีบัตรนักประจำตัวนักศึกษา ม.กรุงเทพ หนังสือใบ สด.9ทหาร ใบปริญญาตรี ม.กรุงเทพฯ และ ป้ายทะเบียนรถเก๋งมิตซูบิชิ สีขาว มิราด หมายเลขทะเบียน กท- 4210 กทม ระบุชื่อนายนิรันดร์ สร้อยสูงเนิน อายุ 25ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/2หมู่ที่ 2 บ้านท่าแก ตำบลลุ่มลำชี อำเภอบ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

การตรวจสอบในเชิงลึกพบว่ามีสัญญาณโทรศัพท์จากเพื่อนชายคนสนิทของนายนิรันดร์ โทร.ติดต่อเข้าเครื่องนายนิรันดร์ ผู้ตายตลอดเวลา ตั้งแต่นายนิรันดร์ฯขับรถออกจากกรุงเทพฯจนถึงในเขต ต.หนองบัวโคก อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ เป็นครั้งสุดท้ายที่ติดต่อได้ และจากการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุลงมือฆ่านายนิรันดร์ สร้อยสูงเนิน คือนายหมูหยองหรือสาธิต (นามสมมุติ) อายุ 18ปี ปัจจุบันมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่12 หมู่2 ต.หนองไม้งาม อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และนายวัชระ สาแก้ว อายุ 22ปี อยุ่บ้านเลขที่275 หมู่2 บ้านกุดเม็ง ต.ชีลอง อ.เมืองชัยภูมิ จากการสืบสวนสอบสวนยังทราบวานายหมูหยองฯเคยก่อเหตุต้องคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ สภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ในปี2555และเคยก่อคดีฆ่าชิงทรัพย์ ในเขตพื้นที่ สน.อุดมสุข กรุงเทพมหานครฯ ในปี2559และยังหลบหนีประกันตัวในชั้นศาลออกมา และยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

จนทราบว่าต่อมาได้หลบหนีคดีมาเช่าห้องเช่าบ้านพักอยู่กับนายวัชระฯพี่ชาย ในชุมชนหนองปลาเฒ่า ในเมืองชัยภูมิ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบุกเข้าตรวจค้นหอพักเลขที่111/5 ม.2 ชุมชนหนองปลาเฒ่า ต.ในเมืองชัยภูมิ และสามารถจับกุมตัวนายวัชระหรือน๊อต พี่ชายได้

และได้มีการกระจายกำลังไล่ล่าปิดล้อมพื้นที่หมู่บ้านบนเทือกเขาภุแลนคา นานนับ 2 วัน นายหมูหยองไหวตัว ได้ให้อดีตแฟนสาวพาขับรถจักรยานยนต์หลบหนีมาอยู่ที่บ้านญาติที่หมู่บ้านโนนสมบูรณ์ ต.ชีลอง อ.เมืองชัยภูมิ และมาถูกจับกุมได้ในที่สุด

พ.ต.ท.ณัฐพล กิ้งโชค หน..พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ดำเนินคดีในข้อหารวมกันกระทำความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนและซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่งการตายและฆ่าชิงทรัพย์ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ปิดคดีอุ้มฆ่าโหดเผาฝังดินหนุ่มหล่อชัยภูมิ รายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนรถยนต์เก๋งผู้ตาย จนท.ตร.ชุดกองปราบได้ติดตามไปยึดรถเก๋งผู้ตาย ในเต็นท์รถแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพฯได้แล้ว

ที่ยังคงหลงเหลืออยู่คือความสูญเสียของครอบครัวหนุ่มหล่อที่ต้องมาเสียบุตรชายเสาหลักของครอบครัว ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของเด็กเยาวชนที่ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมเพียงแค่หวังทรัพย์สินสนองความต้องการของตัวเอง

นายวิชิต ภิรมยาภรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม กล่าวในฐานะผู้ที่เกี่ยวข้องต่อการกระทำผิดเกี่ยวกับคดีเด็กเยาวชนและครอบครัว ให้ความเห็นว่าเรื่องการก่อเหตุคดีซ้ำๆหลังออกจากสถานพินิจ ออกมาน่าจะกลับตัวได้ในระยะเวลา 1-2 ปี จะต้องให้ความสำคัญในการจัดการเจ้าหน้าที่คุมประพฤติเข้าไปช่วยสอดส่องดูแลให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีการเคยก่อคดีรุนแรงฆ่าชิงทรัพย์ผู้อื่น ที่ส่วนใหญ่มักจะพบปัญหาคือไม่มีพ่อแม่ดูแล ครอบครัวแตกแยก และมักมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด

อย่างกรณีของนายหมูหยอง และพี่ชาย ที่ทั้ง 2 ก็ไม่มีพ่อแม่ช่วยดูแล ต้องอยู่กับป้า กับยาย มาแต่เด็ก เมื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวไม่มีคนที่จะช่วยดูแลได้ดีพอก็จะมักกลับไปก่อเหตุที่เคยทำรุนแรงซ้ำได้อีก ซึ่งเรื่องนี้ปัญหาครอบครัวเด็กขาดผู้นำพ่อแม่ไม่มีความอบอุ่นส่วนหนึ่งก็กำลังกลายเป็นปัญหาของสังคมที่เกิดวิกฤตการใช้ความรุนแรงเยาวชนไทยในปัจจุบันเป็นจำนวนมากขึ้นด้วย และอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันให้ความสำคัญกับเด็กในกลุ่มนี้มากขึ้นด้วย