บิ๊กแอร์เอเชียหนุนไทยปลดล็อคต่างชาติถือหุ้นการบิน

บิ๊กแอร์เอเชียหนุนไทยปลดล็อคต่างชาติถือหุ้นการบิน

บิ๊กแอร์เอเชีย หนุนแนวคิดรัฐบาลไทยปลดล็อกนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นธุรกิจสายการบิน มั่นใจหนุนศักยภาพเอกชนขยายธุรกิจ กระตุ้นท่องเที่ยวอาเซียน ชี้เทรนด์แอร์ไลน์พัฒนาธุรกิจแยกจับตลาดไฮเอนด์-โลว์คอสท์

ในการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC Global Summit) ประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา 

นายโทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่า สนับสนุนแนวคิดในการเปิดให้สายการบินต่างชาติ สามารถเข้าไปลงทุนและเป็นเจ้าของกิจการได้ 100% หากรัฐบาลไทยกำลังดำเนินนโยบายปลดล็อคสัดส่วนการถือหุ้น 49% ของชาวต่างชาติได้ ตามแผนที่จะยกระดับประเทศเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ในอุตสาหกรรมการบิน ตนก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะมองว่านโยบายดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมภาพรวม และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มเติม เนื่องจากสายการบินมั่นใจและสามารถขยายเส้นทางได้อย่างเต็มที่

“ไทยเป็นผู้นำเรื่องการเปิดกว้างให้กับสายการบิน โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องการพัฒนาดอนเมืองรองรับการเติบโตของผู้โดยสารขาเข้า ขณะนี้กำลังขยายไปที่สนามบินอู่ตะเภา ยกระดับเป็นฮับแห่งที่ 3 ต่อจากสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งไทยแอร์เอเชียก็เข้าไปให้บริการเส้นทางดังกล่าวเรียบร้อยแล้วเช่นกัน”

ทั้งนี้ เชื่อว่าภูมิภาคอาเซียนยังต้องพัฒนาด้านการเปิดเสรีน่านฟ้าอีกมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคยุโรป ที่ผ่านมาการขยายตัวด้านการเดินทางของผู้โดยสาร เป็นผลมาจากการขยายเส้นทางของธุรกิจสายการบินทั้งสิ้น  เห็นได้จากกลุ่มแอร์เอเชียที่ 60% ของเส้นทางที่ให้บริการ เป็นการเข้าไปตลาดใหม่ที่ไม่เคยมีใครให้บริการทั้งสิ้น 

แต่ที่ผ่านมายังขาดการสนับสนุนในองค์ประกอบต่างๆ จากภาครัฐ เช่น เมื่อสายการบินโลว์คอสท์ต้องการกำหนดราคาต่ำเพื่อกระตุ้นการเดินทางของผู้โดยสาร แต่ทำได้ไม่เต็มที่เนื่องจากค่าธรรมเนียมสนามบินยังอยู่ในระดับสูง ทั้งที่หลายกรณีเป็นความต้องการส่วนเกินของสายการบินโลว์คอสท์ เช่น สะพานเทียบเครื่องบิน (แอร์บริดจ์) เป็นต้น

นอกจากนั้น คาดการณ์ด้วยว่า แนวโน้มธุรกิจสายการบินจะยังคงแข่งขันมากขึ้น แต่โดยส่วนตัวไม่กังวลว่าเป็นผลกระทบ เนื่องจากจะทำให้ทุกสายการบินจะหันมาปรับปรุงคุณภาพกันมากขึ้น และตลาดจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเลือกใช้บริการสายการบิน ความผันผวนจากปัจจัยราคาน้ำมันจะลดลง เพราะระดับราคาเริ่มทรงตัวและน่าจะอยู่ในระดับ 45-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไปอีกราว 4 ปี 

“อุปสรรคที่ยังมีได้แก่ มาตรการซิงเกิ้ลวีซ่า ที่ยังไม่เห็นแนวโน้มเกิดขึ้นในอาเซียน ทำให้การเดินทางของผู้โดยสารไม่สะดวกเท่าที่ควร”

ส่วนการพัฒนาโมเดลธุรกิจสายการบินที่คาดว่าจะเห็นในเร็วๆ นี้ คือ การแยกตัวเป็น 2 รูปแบบชัดเจนน คือ สายการบินเต็มรูปแบบ (Full Service) จะยกระดับคุณภาพเพื่อตลาดไฮเอนด์มากขึ้น ส่วนสายการบินโลว์คอสท์ก็จะมุ่งเน้นการทำราคาต่ำเพื่อแข่งขันดึงนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เข้าสู่สภาพการแข่งขันที่การแยกเซ็กเมนท์  มีกลุ่มลูกค้าของตัวเองชัดเจน แตกต่างจากการบริการของสนามบิน ที่ปัจจุบันเห็นสภาพปัญหาบางประเทศยังไม่มีการแยกเซ็กเมนท์รองรับสายการบินที่มีแนวโน้มจะต่างขึ้นดังกล่าว

นายโทนี กล่าวว่าแม้การเดินทางทั่วโลกปัจจุบัน จะมีภัยคุกคามจากการก่อการร้ายของนักท่องเที่ยว แต่เชื่อว่าการขยายเส้นทางบินแบบจุดต่อจุด (Point to Point) ของโลว์คอสท์จะยังเติบโตต่อเนื่อง แอร์เอเชียยังมีแผนการขยายเส้นทางระยะไกลผ่านเครือข่ายของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ภายใต้พิสัยการบินไม่เกิน 10 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง แต่จะสร้างความแตกต่างด้วยการเปิดเส้นทางเชื่อมเมืองรองอันดับ 2 สู่เมืองรองอันดับ 2 หรือจากเมืองรองอันดับ 2 สู่อันดับ 3 เพื่อขยายตลาดการเดินทางใหม่ๆ ซึ่งในทางความคุ้มค่าด้านผลตอบแทนจะมีมากขึ้น เมื่อบริษัทผลิตเครื่องบินพัฒนาสมรรถนะของเครื่องบินให้มีต้นทุนต่ำลงและคุ้มค่ามากขึ้น