UTP - ซื้อ

UTP - ซื้อ

Paradigm Shift

ประเด็นการลงทุน

การใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์ กำลังจะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้ง เมื่อตลาดค้าออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ กระตุ้นความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์ในการส่งสินค้า เพิ่มขึ้นจากการใช้งานในอุตสาหกรรมทั่วไป พบว่ามีความต้องการใช้ที่ขยายตัวสูงกว่า GDP ในประเทศมาโดยตลอด โดยเราแนะนำ “ซื้อ” UTP ตอนนี้ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคทองของธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ จาก “Paradigm Shift” สู่ยุคอุตสาหกรรมออนไลน์

สำหรับพื้นฐานกำไรเราคาดว่า กำไรปีนี้จะเติบโตสูง 70% เป็น 311 ล้านบาท จากการเดินเครื่องสายการผลิตที่ 2 หลังติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเสร็จภายในเดือน พค.นี้ (ภายใต้สมมุติฐานเชิงอนุรักษ์นิยมของเรา) ซึ่งประมาณการณ์กำไรนี้ยังมีอัพไซด์ จาก 1) การติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเสร็จเร็วกว่าที่เราคาด และ 2) การขยายตลาดออกไปสู่ต่างประเทศ
เพื่อที่จะได้ราคาขายและมาร์จิ้นที่สูงขึ้น


ผลิตไม่พอขาย...ต้องขยายสายการผลิตใหม่

คาดปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้น 80% ในปีนี้ จากการเดินเครื่องสายการผลิต 2 สายพร้อมกัน โดยคาด co-generator (เครื่องกำเนิดไฟฟ้าและไอน้ำ) จะติดตั้งเสร็จในช่วงเดือน พ.ค. นี้ ซึ่งจะสามารถกลับมาเดินเครื่อง เพิ่มอีก 1 สายการผลิต ได้ภายในเดือน มิ.ย. นี้ จากปัจจุบันที่มีการเดินเครื่อง เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น คาดส่งผลให้การผลิตใน 2H17 มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคาด 2H17 บริษัทจะเดินเครื่องในอัตรา 620 ตัน/วัน (เพิ่มขึ้นจาก 1H17 ที่เราคาดเดินเครื่อง 400 ตัน/วัน และจากปี 2016 ที่ผลิตเพียง 280 ตัน/วัน)

คาดกำไรเติบโตสูงทั้งในระยะสั้น และระยะยาว

กำไรหลักคาดว่าจะเติบโตราว 70% เป็น 311 ล้านบาท ในปี 2017 นี้ จากการ ramp-up กำลังการผลิตเพิ่ม ภายใต้สมมุติฐานปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 1.8, 2.3 และ 2.4 แสนตัน ภายในปี 2017-19 ซึ่งบริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1 แสนตัน มาเป็น 2.7 แสนตันในปีนี้ โดยสายการผลิตใหม่ของบริษัทยังได้การส่งเสริมทางภาษี (BOI) ซึ่งได้เดินเครื่องแล้วนับแต่ตันปี บริษัทจึงมีอัตราภาษีจ่ายที่ลดลงอีกด้วย

ทั้งนี้ 1Q17 เราคาดกำไรหลักราว 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%YoY และ 94%QoQ จากปริมาณการผลิตที่คาดราว 400 ตัน/วัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ราว 280 ตัน/วัน)

โอกาสขยายตลาดสู่ ต่างประเทศ หนุนมาร์จิ้นดีกว่าคาด

ตลาดส่งออกคาดจะเป็นอีกหนึ่ง key driver ในอนาคต ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าจีนเป็นล๊อตใหญ่ถึง 5,000 ตัน/เดือน (ราคาขายในจีนอยู่ที่ 400-600 Rmb/ตัน หรือราว 2,000-2,400 บาท/ตัน สูงกว่าราคาในประเทศที่ 1,700-1,900 บาท/ตัน) และยังมีกลุ่มลูกค้าในเวียดนามที่ ซึ่งยังไม่รวมถึงประเทศอื่นๆ ใน CLMV ที่มีศักยภาพในการขยายตลาด คาดสัดส่วนส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% ใน 1-2 ปี ข้างหน้า จากปีที่แล้วที่สัดส่วนส่งออกอยู่ที่ 5% เท่านั้น โดยมีลูกค้าส่งออกต่างประเทศ เช่น OJI Paper ที่บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ที่มี spec ตามความต้องการลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดราคาขาย และเพิ่มอัตรากำไรได้ดีกว่าคาด