'เอดีบี'ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.5%

'เอดีบี'ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.5%

"เอดีบี" ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.5% ชี้ส่งออกเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวคาดโต 3% มองเลือกตั้งตามกำหนดจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย

นางลักษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กล่าวว่า เอดีบีคงประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.5 และขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.6 ในปี 2561 เนื่องจากการส่งออกสินค้าเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวสอดคล้องกับการส่งออกในกลุ่มอาเซียน โดยคาดว่าขยายตัวร้อยละ 3 และร้อยละ 4 ในปี 2561 การส่งออกเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ส่งออกเพิ่มขึ้นในยุค " อินเทอร์เน็ตคือทุกสิ่ง" เช่นเดียวกับการส่งออกชิ้นส่วนแผงวงจร และพบว่าผู้ประกอบการกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับสายการผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งขณะนี้ยังมองว่าเหตุการณ์จะไม่เลวร้ายถึงขั้นสงคราม รวมทั้งนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ หากใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับจีนจะกระทบการส่งออก โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร และกระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทยขยายตัวลดลงด้วย

ขณะที่การบริโภคภายในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง รายได้ภาคการเกษตรมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น และสถานการณ์ภัยแล้งที่หมดไป ส่วนการลงทุนภาครัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะสั้น หากรัฐบาลเร่งการเบิกจ่ายโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่มีการประมูลไปแล้วปี 2559 จะเริ่มการก่อสร้างโครงการปีนี้ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนจะช่วยทำให้ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจค่อย ๆ ฟื้นตัว คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะค่อย ๆ ขยายตัวขึ้นปีนี้และปีหน้าขยายตัวร้อยละ 3-4

ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ ทางเอดีบีคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในประเทศปลายปี 2561 หากเป็นไปตามกำหนดเวลาจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีความต่อเนื่องนโยบายเศรษฐกิจแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหลายครั้ง ดังนั้น หากรัฐบาลยังสามารถเบิกจ่ายเม็ดเงินมาลงทุนโครงการขนาดใหญ่ได้ ไม่สะดุด เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ไม่น่ากังวล

ด้านเงินเฟ้อปีนี้คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 1.8 และร้อยละ 2 แนวโน้มเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นบ้าง ตามราคาน้ำมันตลาดโลก แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ