ค้าปลีกครึ่งแรกคาดโต3% กำลังซื้อฐานรากขยับ

ค้าปลีกครึ่งแรกคาดโต3% กำลังซื้อฐานรากขยับ

“ค้าปลีก”ส่งสัญญาณบวก ประเมินครึ่งปีแรกโต 3-4% อานิสงส์เศรษฐกิจฐานรากขยับผู้ประกอบการอัดฉีดโปรโมชั่นเร่งตัดสินใจซื้อ หนุนการใช้จ่าย

สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกไตรมาสแรกและไตรมาสสองได้รับอานิสงส์จากบรรยากาศช่วง“เทศกาล”ต่างๆ นับจากปีใหม่ ต่อเนื่องวันเด็ก ตรุษจีน วาเลนไทน์ เข้าสู่ฤดูกาลขาย “ซัมเมอร์”ที่มีเทศกาลสงกรานต์และปิดเทอมใหญ่ กระตุ้นการใช้จ่ายในภาพรวม แม้จะยังไม่เห็นภาพชัดถึงความคึกคักแต่บรรยากาศปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่าโดยภาพรวมการใช้จ่ายกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ยังค่อนข้างทรงตัว แต่ระดับฐานรากเริ่มฟื้นตัว จากมาตรการกระตุ้นอย่างต่อเนื่องของภาครัฐทำให้เม็ดเงินกระจายลงสู่ประชาชนระดับล่างเกิดการจับจ่ายใช้สอย นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคธุรกิจค้าปลีก

คาดค้าปลีกครึ่งแรกโต3-4%

หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามาแทรก ประเมินว่าภาพรวมค้าปลีกครึ่งปีแรกนี้น่าจะเติบโตในระดับ 3-4% ถือว่าเป็นบวกสำหรับสถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้ ซึ่งยังอยู่ในช่วงไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและเตรียมพระราชพิธีใหญ่

อย่างไรก็ดีการขับเคลื่อนเมกะโปรเจคของภาครัฐจำนวนมาก แต่เม็ดเงินไม่สะพัดเข้าระบบในทันที ต้องใช้เวลา 6-8 เดือน ซึ่งการประกาศการลงทุนและทยอยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะส่งผลต่อตลาดค้าปลีกและกำลังซื้อฟื้นตัวชัดเจนขึ้นราวไตรมาส 3-4

“มาตรการภาครัฐที่ใส่เงินในระบบและส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร ทำให้สภาวะอ่อนแอของกำลังซื้อเกษตรกรทยอยปรับตัวดีขึ้น”

การปรับตัวของรายได้เกษตรกร เชื่อว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งที่คลี่คลาย และระดับราคาสินค้าเกษตรที่กลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะพืชเกษตรหลัก ได้แก่ ยางพารา ปาล์ม อ้อย สัปปะรด

ปัจจัยบวกหนุนกำลังซื้อ

ในปี 2560 มีหลายปัจจัยบวกสำคัญส่งผลต่อภาคค้าปลีกและกำลังซื้อ ตั้งแต่การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนและวงลงทุนรัฐวิสาหกิจไม่ต่ำกว่า 80% งบเหลื่อมปีไม่ต่ำกว่า 75% โดยเฉพาะการดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)

นอกจากนี้การขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนไม่ต่ำกว่า 35 ล้านคน สร้างรายได้ 2.8 ล้านล้านบาทในปีนี้ ซึ่งการดำเนินยุทธศาสตร์ตลาดท่องเที่ยวคุณภาพเน้นดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อจะส่งผลที่ดีต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งระบบไม่ว่าจะโรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคาร ค้าปลีก การขนส่ง สินค้าที่ระลึก ฯลฯ

แนะรัฐบูมอีเวนท์ปลุกเชื่อมั่น

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการโหมกิจกรรมทางการตลาดของภาคเอกชน ภาครัฐต้องเร่งหามาตรการสร้างความเชื่อมั่นเพื่อเสริมบรรยากาศในการจับจ่ายและลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงโลว์ซีซัน ภายใต้ความร่วมมือของภาคการท่องเที่ยว โรงแรม และค้าปลีก เพื่อเพิ่มพลังในการกระตุ้นทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้จ่าย

“ผู้บริโภคชาวไทยยังมีกำลังซื้อจะทำอย่างไรให้ออกมาจับจ่าย เชื่อว่าคนมีเงิน แต่ไม่มีมู้ด”

อัดแคมเปญส่งเสริมการขาย

นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่าภาพรวมค้าปลีกครึ่งปีแรกเติบโตได้บ้างเล็กน้อย แม้ภาพรวมมีนักท่องเที่ยวเข้ามามาก แต่การจับจ่ายในธุรกิจยังมาจากกำลังซื้อในตลาดกลางและแมส ที่ต้องมีการกระตุ้นด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการใช้จ่าย

“คาดว่าธุรกิจค้าปลีก น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ไตรมาส 2-3 นี้”

สำหรับห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเดอะมอลล์ มีทั้งกลุ่มลูกค้าในตลาดบน กลางและแมส ดังนั้นการเติบโตจึงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีการใช้แคมเปญส่งเสริมการทุกรูปแบบเข้ามาใช้ทั้งออนไลน์และออนกราวน์ ให้ความสำคัญกับสินค้า บริการ ความสะดวกสบาย ที่ยังมีส่วนสำคัญกับการบริหารจัดการ นอกเหนือจากการลดราคาสินค้า

ทุ่ม1.2 พันล้านกระตุ้นตลาด

นางสาวชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาดและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ กล่าวว่ากำลังซื้อผู้บริโภคส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เป็นสัญญาณบวกสำหรับผู้ประกอบการ โดยปีนี้สยามพิวรรธน์ เตรียมงบกว่า 1,200 ล้านบาท ทำการตลาดเชิงรุก

โดยไตรมาสแรกต่อเนื่องไตรมาสสองนี้มีเทศกาลขายต่างๆ ที่สามารถสร้างกระแส และสีสัน ทำการตลาด กระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายได้เป็นอย่างดี ผนวกกับแม่เหล็กทั้งในสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ จะดึงดูดนักช้อปให้เข้ามาใช้จ่ายแตกต่างตามกิจกรรมที่ตรงกับความชื่นชอบและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละศูนย์

โหม50อีเวนท์ดึงลูกค้า

นางรัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการด้านการตลาดศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ กล่าวว่าภาพรวมธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีแรกนี้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ มุ่งกิจกรรมการตลาดเชิงรุกเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาจับจ่าย

ทั้งนี้ ช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. ถือเป็นช่วงไฮซีซัน ของศูนย์การค้า ซึ่งฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ได้เตรียมกิจกรรม กว่า 50 งาน โดยมีบิ๊กอีเว้นท์ และกิจกรรมในพื้นที่เช่า รองรับทุกกลุ่มไลฟ์สไตล์่ตลอดซัมเมอร์จนถึงเปิดเทอม

เดือนเม.ย.นี้ มีไฮไลท์ งานสัมผัสโลกวิทยาศาสตร์ งานสงกรานต์ งานซูเปอร์คิดส์จูเนียร์ทาเลนท์ เดือน พ.ค. งานลดราคาครั้งใหญ่ “Grand Splendor” คาดว่าจะสามารถดึงลูกค้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น 7% จากปกติมีลูกค้าใช้บริการเฉลี่ย 2 แสนคนต่อวัน

“ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน จะมีการจับจ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียนที่พ่อแม่ผู้ปกครอง พาบุตรหลานหลบร้อนมาเดินเล่นในศูนย์การค้าต่างๆ”