รื้อเวทีม็อบข้างวัดเบญฯ ขอตั้งสภาปวงชนชาวไทย

รื้อเวทีม็อบข้างวัดเบญฯ ขอตั้งสภาปวงชนชาวไทย

ตร.เข้ารื้อเวทีม็อบข้างวัดเบญฯ ขอตั้งสภาปวงชนชาวไทย- “ศรีวราห์” รุดสอบเอาผิดเจ้าของเต็นท์

กลุ่มคณะปวงชนชาวไทยเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (ปชก.) ประมาณ 50 คน นำโดย นางสุภาธินันท์ ไถวสินธุ์ ประธานสมาพันธ์ชาวไร่ชาวนาภาคอีสาน และนาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย พร้อมแกนนำ เดินทางมารวมตัวบริเวณ ถ.นครปฐม ด้านหน้าวัดเบญจมบพิตรฯ เพื่อติดตามเรื่องที่เคยยื่นหนังสือกับศูนย์บริการประชาชน (สำนักงาน ก.พ.) โดยข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มติดตามความคืบหน้าตามข้อ 1. ได้แก่ ปัญหาที่ดินทำกิน หนี้สินนอกระบบ และผลกระทบของโครงการสร้างเขื่อนน้ำอูน อ.พังโคน จ.สกลนคร

นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ เปิดเผยว่า วันนี้(17 เม.ย.)ตนได้นำประชาชนที่ต้องมีสิทธิและเสรีภาพจากทั่วทุกประเทศมาชุมนุมเพื่อขอให้ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่เป็นประชาชนยุค 2475 ไม่เคยได้รับประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย ตนเชื่อคำที่ว่า “ฟ้าสีทองผ่องอำไพประชาชาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” มันถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องได้รับความเป็นธรรม อยากให้มีการตั้งสภาปวงชนชาวไทย โดยนำประชาชนจากทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วม อยากให้มีนโยบายจากข้างล่างสู่ข้างบนไม่ใช่ข้างบนลงมา

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผบก.อคฝ. นำกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนมาเจรจาให้เลิกชุมนุม ก่อนเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ว่า ได้มีการลักลอบการตั้งเวทีตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา โดยพื้นที่ตรงนี้เป็นถนนครปฐมที่ถือว่ากีดขวางการจราจรและการชุมนุมไม่มีการขออนุญาต ซึ่งก็จะทำการเจรจากับทางกลุ่มดังกล่าวและจะทำการรื้อถอนเวทีต่อไป ขณะเดียวกันได้ พูดผ่านเครื่องขยายเสียงให้กลุ่มชาวบ้านเลิกการชุมชุมเพราะเป็นการผิดกฏหมาย ที่มีการชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป และขอให้ทุกคนอยู่ในกรอบของกฏหมาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ให้เวลา 5 นาที ถ้าไม่เลิกการชุมนุมจะดำเนินการจับกุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงถึง 3 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังควบคุมตัวแกนนำขึ้นรถตู้ไปที่สน.ดุสิต พร้อมทั้งให้ชาวบ้านที่ต้องการกลับภูมิลำเนามารอรถตู้ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดไว้ให้ ทั้งสิ้นใช้เวลาในการเจรจานานกว่า 1 ชั่วโมง

ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาที่สน.ดุสิต เพื่อควบคุมกำกับดูแลงานเกี่ยวกับกรณีการชุมนุมดังกล่าว จากนั้นได้สอบปากคำ นายสุนทร บัวกลิ่น อายุ 65 ปี ชาวจ.นนทบุรี เจ้าของเวทีที่นำมาชุนนุม ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำพบว่านายสุนทรให้การว่า นายสุนทรถูกว่าจ้างให้มากางเต็นท์และเวทีบริเวณนี้ โดยบอกว่าเป็นงานวัดจึงรับงานซึ่งได้ตกลงกันจำนวน 10 วัน และได้รับเงินมัดจำมาแล้ว 20,000 บาท เมื่อมาถึงเมื่อเวลา 07.00 น. ก็สั่งให้ลูกน้องกางเต็นท์และเวทีทันที ซึ่งไม่ได้สงสัยอะไรเนื่องจากขณะที่กำลังจะกางเต็นท์ได้มีพระสงฆ์ออกมาดูการทำงาน ประกอบกับจุดที่ตั้งอยู่ข้างวัด แต่เมื่อกางป้ายผ้าออกตนรู้สึกตกใจ และรู้ทันทีว่าไม่ใช่งานวัดอย่างที่ตกลงอย่างแน่นอน หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาควบคุมพื้นที่ทั้งๆที่ยังกางเต็นท์ยังไม่เสร็จดี

เบื้องต้นทางพล.ต.อ.ศรีวราห์ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายสุนทร ในฐานความผิดตั้งวางสิ่งของ (เต็นท์ และเก้าอี้) กีดขวางการจราจรโดยไม่รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 114,148 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย พ.ศ.2535 มาตรา 19,57 และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 38 ลงโทษปรับจำนวน 10,000 บาทและความผิดฐานชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะพ.ศ.2558 มาตรา 10 และ 28 เปรียบเทียบปรับจำนวน 10,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวเปี๊ยกบ้านโป่ง ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้มาจัดตั้งเวทีดังกล่าวเข้าให้ปากคำ ก่อนพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะพ.ศ.2558 มาตรา 10 และ 28 เปรียบเทียบปรับจำนวน 10,000 บาท