Daily Market Outlook (11 เม.ย.60)

Daily Market Outlook (11 เม.ย.60)

ความเสี่ยงระดับโลกสูงก่อนหยุดยาว

คาดหุ้นไทยไม่ไปไหนไกลวันนี้ในการซื้อขายก่อนวันหยุดยาวที่มีความไม่แน่นอนในต่างประเทศสูงมากจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศเกาหลีเหนือ-สหรัฐ สหรัฐ-ซีเรีย ตลอดจนการเลือกตั้งในฝรั่งเศสที่การหยั่งเสียงออกมาใกล้เคียงกันมากในระหว่างตัวเก็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี คล้ายๆ กับสถานการณ์ในการลงประชามติออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้ทำให้มีความต้องการสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำพุ่งสูงขึ้น ยกเว้นน้ำมันที่ราคายังคงสูงขึ้นหลังสหรัฐโจมตีซีเรียและการหยุดผลิตบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของลิเบีย ปัจจัยภายในประเทศก็เป็นกลางค่อนไปทางลบวันนี้ ความเชื่อมั่นนักลงทุนในหุ้นใน 3 เดือนข้างหน้า (เม.ย.-มิ.ย.) อยู่ในระดับเป็นกลาง ยอดจองรถยนต์ในงานไทยแลนด์มอเตอร์โชว์ที่ 31,000 คัน ถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเช่นกัน

หุ้นเด่นวันนี้: GLOBAL (ราคาปิด 16.80 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 18.80 บาท)

เราเลือก บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ เป็นหุ้นเด่นวันนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มสดใสจากอัตรากำไรคาดการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับปี 60-61 หนุนจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัว ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ มีการเปิดสาขาใหม่ 3 สาขาในไตรมาส 4/59 และจะรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้ผลักดันการเติบโตของรายได้ GLOBAL ยังคงเดินหน้าขยายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้าเปิดสาขาภายในประเทศเพิ่มอีก 8 สาขาในปีนี้ บริษัทวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังภาคใต้ด้วยงบ 500 ลบ. โดยจัดสรร 250 ลบ. ตั้งสาขาในสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดเป็น 48 สาขา และยังมีสาขาพัทลุงที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาส 3/60 การเพิ่มสินค้าของตนเองและสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นทำให้อัตรากำไรดีขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทคงมองหาการลงทุนในประเทศกลุ่ม CLMV ซึ่งยังล้าหลังในโครงสร้างพื้นฐานอยู่มาก โดยหวังจะเปิดสาขาแรกในกัมพูชา จากประมาณการของ Bloomberg consensus คาดกำไรสุทธิเติบโต 24% และ 21% YoYในปี 60 และปี 2561 ตามลำดับ หุ้นซื้อขายที่ PE 35 เท่าในปี 60 และลดลงเป็น 29 เท่าในปี 61 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปีเท่ากับ 50 เท่าอยู่มากพอสมควร Price Pattern ของ GLOBAL มีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ก็จะทำให้ Price Pattern ของ GLOBAL กลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัว โดย Price Pattern ของ GLOBAL จะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ได้ก็ต่อเมื่อสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 17.60 บาท ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ GLOBAL บ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 18.20 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 20.70 บาท ทั้งนี้ GLOBAL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 16.30 บาท (แนวต้าน: 16.90, 17.00, 17.20; แนวรับ: 16.70, 16.50, 16.40)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ความเชื่อมั่นผู้ลงทุนอยู่ในแดนเป็นกลาง ผลสำรวจจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (Fetco) รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ลงทุนสำหรับ 3 เดือนหน้า (เม.ย.-มิ.ย.) ร่วง 18.06% เทียบเดือนก่อน สู่ 90.33 จุด อยู่ในแดนเป็นกลาง ปัจจัยสนับสนุนตลาดทุนไทยยังอยู่ที่การลงทุนภาครัฐ ขณะที่ปัจจัยลบได้แก่ความผันผวนของเงินทุนไหลเข้าออก (Hoon Inside)

• ส่งออกและเงินเฟ้อยังดีขณะที่ราคาน้ำมันขึ้น รมว.พาณิชย์กล่าว การที่สหรัฐโจมตีซีเรียไม่น่าจะมีผลกระทบมากมายต่อการส่งออกและเงินเฟ้อไทย แม้จะทำให้ราคาน้ำมันขึ้นระยะสั้น เพราะความขัดแย้งจำกัดวงอยู่ในเฉพาะภูมิภาค อย่างไรก็ดีกระทรวงยืนยันว่าจะจับตาผลกระทบอย่างใกล้ชิดในกรณีที่ความขัดแย้งเกิดยืดเยื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง (Bangkok Post)

• THAI (17.70 บ) และ BA(20.00 บ.) ร่วมลงนามสัญญาความร่วมมือระหว่างกันบนเที่ยวบินร่วม (Codeshare) เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายเส้นทางบิน รวมทั้งรองรับการขยายช่องทางการขาย และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารในเส้นทางบินเชื่อมต่อของทั้ง 2 สายการบินให้มากขึ้น โดยเบื้องต้นจะเป็นความร่วมมือเที่ยวบินร่วมใน 14 เส้นทางซึ่งทำการบินโดยสารโดย BA และอีก 1 เส้นทางซึ่งทำการบินโดยสารโดย THAI และคาดว่าในอนาคตจะมีเส้นทางอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาร่วมกัน (Bangkok Post)

• ยอดจองรถยนต์ซบเซาในงานมอเตอร์โชว์ โดย Grand Prix International ซึ่งเป็นผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ดังกล่าวเปิดเผยยอดจองซื้อรถยนต์ในระหว่าง 14 วันช่วงจัดงานว่าอยู่ที่ 31,000 คัน ลดลง 4.82% จากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 32,571 คัน และถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ 34,000-35,000 คัน อย่างไรก็ตามมองว่าตัวเลขดังกล่าวที่อยู่สูงกว่า 30,000 คัน นอกจากผลกระทบจากนโบายรถคันแรกที่สิ้นสุดลง นับเป็นการสะท้อนว่ากำลังซื้อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโดยรวมกำลังฟื้นตัวกลับมา (Bangkok Post)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงสหรัฐปรับตัวแคบเมื่อวันจันทร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 2.366% ลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวันศุกร์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 1.278% ลดลงเกือบ 1 bps จากเมื่อวันศุกร์ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงแคบ ๆ โดยมีปริมาณการซื้อขายเบาบางก่อนที่ตลาดการเงินในสหรัฐจะหยุดทำการในวันศุกร์นี้เนื่องจากเป็นวัน Good Friday ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ล่าสุดลดลง 0.15% อยู่ที่ระดับ 101.04 (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นชดเชยกับหุ้นกลุ่มการเงินที่ปรับตัวลงก่อนการประกาศผลการดำเนินงานรายไตรมาสในสัปดาห์นี้ ปริมาณการซื้อขายในตลาดเบาบางมากเนื่องจากปัญหาความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ อีกทั้งในสัปดาห์นี้มีวันหยุดอีกด้วย เจพี มอร์แกน ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก มีกำหนดเผยแพร่รายงานผลประกอบการในวันพฤหัสนี้ อาจทำให้เห็นภาพผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารชัดเจนขึ้น (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หนุนจากข่าวการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ในกลุ่มผู้ผลิตยา อย่างไรก็ตามตลาดมีความกังวลส่วนหนึ่งต่อสถานการณ์การเลือกตั้งในฝรั่งเศส รวมไปถึงความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และซีเรียรวมไปถึงกับเกาหลีเหนือ (Reuters)

เอเชีย:

• BOJ ให้มุมมองต่อเศรษฐกิจดีที่สุดในประเทศ ในช่วงเกือบทศวรรษแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจส่งผลต่อแผนรายจ่ายลงทุนของพวกเขา ผู้ว่าการ BOJ นาย Haruhiko Kuroda ย้ำว่า ธปท. ตัดสินใจจะรักษามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% (Reuters)

• จีนและพม่าได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับท่อส่งน้ำมันระยะทาง 770 กิโลเมตร (480 ไมล์) ระหว่างสองประเทศหลังจากเจรจากันเกือบหนึ่งทศวรรษ โครงการจะเริ่มดำเนินการในเร็ว ๆ นี้ เกตเวย์น้ำมันแห่งใหม่นี้เหมาะกับ "One Belt One Road" ซึ่งเชื่อมโยงเอเชียกลางและยุโรปและจะเป็นทางเลือกใหม่ในการส่งน้ำมันในตะวันออกกลางผ่านช่องแคบมะละกาที่หนาแน่นและสิงคโปร์ ท่อส่งน้ำมันดังกล่าวมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เจรจากันมาเป็นเวลาสองปีแล้ว (Reuters)

• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงในวันจันทร์ด้วยผลกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนซึ่งได้รับประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจใหม่ Xionganซึ่งได้รับการชดเชยจากภาคอื่น ๆ ที่อ่อนแอลงหลังจากที่ผู้กำกับดูแลหลักทรัพย์เรียกร้องให้บริษัทจดทะเบียนจ่ายปันผลนักลงทุนในรูปปันผลเงินสด (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบบวกกว่า 1% วันจันทร์ หนุนโดยการปิดบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในลิเบียช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ หลังสหรัฐยิงขีปนาวุธไปที่ฐานทัพอากาศรัฐบาลซีเรีย น้ำมันดิบ Brent ส่งมอบ มิ.ย. บวก 74 เซนต์ต่อบาร์เรล (+1.3%) ปิด 55.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ไม่ไกลจากจุดสูงสุดรอบเดือนเมื่อวันศุกร์ที่ 56.08 ดอลลาร์ น้ำมันดิบสหรัฐบวก 84 เซนต์ (+1.6%) ปิด 53.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำร่วงหลังแตะจุดสูงสุดรอบ 5 เดือน จากการคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยกลบผลจากการเมืองตึงเครียดในเกาหลีเหนือและตะวันออกกลาง ราคาทองคำตลาดจรลบ 2.50 ดอลลาร์หรือ 0.2% ปิด 1,251.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำตลาดจรลบ 4.2 ดอลลาร์หรือ 0.3% ปิด 1,253.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)