'ดับบลิวเอชเอยูพี' ต่ำจอง0.95%

'ดับบลิวเอชเอยูพี' ต่ำจอง0.95%

"ดับบลิวเอชเอยูพี" ต่ำจอง0.95% ผู้บริหารย้ำเหมาะลงทุนระยะยาว โบรกแนะนำถือลงทุน มองจุดเด่นขยายกำลังผลิตสูง

ดับบลิวเอชเอยูพี เทรดวันแรกต่ำจอง 0.95% ผู้บริหารย้ำเป็นหุ้นเหมาะถือยาว เผยอยู่ระหว่างเจรจาร่วมพันธมิตร 2 ราย เพื่อพัฒนาโครงการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรม และมีแผนลงทุนโครงการขยะเพิ่ม ด้านโบรกประสานเสียงแนะนำลงทุน ประเมินจุดแข็งอยู่ที่แผนขยายกำลังการผลิตสูง 

บรรยากาศการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) WHAUP วันแรกวานนี้ (10เม.ย.) ราคาเปิดการซื้อขายที่ 28 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท จากราคาไอพีโอที่ 26.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 6.67% ระหว่างวันทำราคาสูงสุดที่ 28.25 บาท และปิดการซื้อขายที่ 26 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.95% มูลค่าการซื้อขาย 2,273 ล้านบาท 

นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP กล่าวว่า ราคาเปิดการซื้อขายวันแรกถือว่าเป็นที่พอใจ เพราะราคาสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน และพื้นฐานของบริษัท ซึ่งหุ้น WHAUP ถือเป็นหุ้น Growth Stock ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค ประเภท ไฟฟ้า และน้ำ ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรค่อนข้างสูง เหมาะกับการลงทุนระยะยาว

ในปี 2560 จะใช้งบลงทุน 1,858 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีโครงการไฟฟ้า SPP ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 โครงการ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 190 เมกะวัตต์ ซึ่งปีนี้จะ COD ได้จำนวน 4 โครงการ จำนวน 130 เมกะวัตต์ และอีก 2 โครงการ จะทยอยเปิดในปี 2561-2562 และจะรับรู้รายได้จากการลงทุนไฟฟ้าครบ 540 เมกะวัตต์ ในปี 2562 จาก ณ สิ้นปี 2559 บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 350 เมกะวัตต์

ส่วนพลังงานทางเลือกอื่นๆ บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมเพื่อพลังงาน ร่วมกับพันธมิตร 2 ราย กำลังการผลิต 8.3 เมกะวัตต์ คาดจะ COD ปี 62 และอาจมีโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติมเร็วๆนี้

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเข้าไปลงทุนธุรกิจผลิตและบำบัดน้ำเสียในเวียดนาม คาดว่าจะใช้งบลงทุน 90-100 ล้านบาท และคาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนภายในปีนี้

นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น WHAUP มีจุดเด่นคือการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าสูง และสำหรับราคาที่เข้าซื้อขายวันนี้ เท่าที่ติดตามจาก consensus พบว่าอยู่ที่ประมาณ 30.00 บาท กำไรปีนี้เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน คิดเป็นส่วนเพิ่ม 14% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ราคาไอพีโอของ WHAUP เป็นราคาที่เหมาะสมแล้วสำหรับปี 2560 แต่หากโรงไฟฟ้าทั้งหมดสร้างเสร็จตามกำหนดจะทำให้มูลค่าที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 30 บาท สำหรับปี 2561 คิดเป็น PER 13.5 เท่าเทียบกับธุรกิจโรงไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าดำเนินการครบแล้ว โดยโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนใหญ่จะสร้างเสร็จภายในปี 2560 และต้นปี 2561 คิดเป็นกำลังการผลิตกว่า 160 เมกะวัตต์ และส่วนที่เหลือในปี 2562 โดยมีความเสี่ยงสำคัญคือความล่าช้าในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและต้นทุนของถ่านหินสำหรับ Gheco-One