'ธีรนันท์' ทิ้งเก้าอี้เอ็มดีกสิกร

'ธีรนันท์' ทิ้งเก้าอี้เอ็มดีกสิกร

“ธีรนันท์” ทิ้งเก้าอี้ "เอ็มดีกสิกร" บัณฑูรชี้ธุรกิจไม่สะดุดเหตุแบงก์ทำงานเป็นทีม รับเอ็นพีแอลยังเพิ่มขึ้น เร่งประคองลูกค้าเอสเอ็มอี มั่นใจทานแรงเฉื่อยของศก.ได้

“ธีรนันท์”ทิ้งตำแหน่งเอ็มดีกสิกรไทย ขอยุติสัญญาจ้างก่อนครบกำหนดปี2562   “บัณฑูร”แจงเจ้าตัวขอไปทำอย่างอื่นที่ตอบโจทย์ทางวิชาชีพ ชี้เป็นการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงเป็นเรื่องปกติของเอกชน ยืนยันไม่กระทบแผนงานของธนาคาร เพราะที่ผ่านมาทำงานกันเป็นทีม ยังไม่เปิดเผยตั้งใครขึ้นแทน

ธนาคารกสิกรไทย ได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นวานนี้ (3 เม.ย.)  โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการใหม่ 3 คน เพื่อทดแทนกรรมการที่ออกตามวาระ 6 คน ซึ่งใน 6 คนนั้นมีกรรมการที่เป็นผู้บริหาร 2 คน คือ นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการธนาคาร และนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการธนาคาร แต่เนื่องจากนายธีรนันท์ ศรีหงส์ ได้ยุติสัญญาจ้างก่อนครบกำหนดเวลา จึงไม่ได้รับแต่งตั้งกลับเข้าเป็นกรรมการธนาคาร ทั้งนี้นายธีรนันท์ มีสัญญาจ้างถึงปี 2562 

ส่วนกรรมการ 3 คนที่ได้รับแต่งตั้งกลับเป็นกรรมการ ประกอบด้วย นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้แต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวณิก เป็นกรรมการอิสระ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความรู้ ประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์กับธนาคาร และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว

นอกจากนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานปี2559 แก่ผู้ถือหุ้น 4 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผล 9.57 พันล้านบาท คิดเป็น 26.96% ของกำไรสุทธิ โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2559 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จึงจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีก 3.50 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 28 เม.ย.2560

ด้านนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การลาออกของนายธีรนันท์ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 กรรมการผู้จัดการธนาคาร และประธานบริษัท บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด หรือ KBTG นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบทำให้แผนงานของธนาคารสะดุด เพราะํนาคารทำงานกันเป็นทีม ไม่ได้มีคนๆ เดียว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงในโลกของเอกชน สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน คนมีความสามารถก็มีโอกาสในการแสวงหาโอกาส ทุกบริษัทก็ต้องมีการเตรียมความพร้อม ที่เหลือก็ต้องปรับตัวตาม

“คนที่มีฝีมือ ก็มีโอกาสทางธุรกิจ มีโอกาสไปหาอย่างอื่นที่เขาอยากจะทำ เขาจึงขอเปิดทางไป ไปหาอย่างอื่นที่อยากจะทำ สนองความต้องการทางวิชาชีพของเขา ส่วนแบงก์ก็เป็นทีมอยู่แล้ว ไม่ได้ทำโดยคนๆเดียว โดยรวมเรายังทำงานกันได้ ส่วนใครจะมาแทนเดี๋ยวคุยกันอีกที”

สำหรับสถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ยังอยู่ในระดับสูง ธนาคารก็ได้มีการกันสำรองเพิ่มขึ้นไว้รองรับ พร้อมกับช่วยประคองธุรกิจขนาดเล็ก จากสิ่งที่ทำอยู่ จะสามารถทานกระแสความเฉื่อยของการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ เพื่อรอวันที่ฟื้นตัว โดยตัวเลขต่างๆ ตอนนี้ ถือว่ามีความสมดุลพอสมควร

“การเติบโตของเศรษฐกิจไทย มีความเฉื่อย แต่ก็เป็นการเฉื่อยเหมือนกันทั่วโลก ทุกคนก็หาทางแก้ ที่ทำอยู่ รัฐบาลอัดเต็มที่ในทุกมิติ ทั้งการกระตุ้นการบริโภค การลงทุน รวมทั้งการช่วยเหลือรายเล็กๆ การจะให้เศรษฐกิจฟื้นจะต้องรอให้เม็ดเงินไหลเข้าไปในระบบ”

นายบัณฑูรกล่าวว่า ธนาคารยังมีเป้าหมายขยายธุรกิจไปยังเออีซีบวก 3 คือ เกาหลี จีน และญี่ปุ่น แต่เนื่องจากบางประเทศไม่เอื้อต่อการเข้าไปลงทุน จึงเลือกประเทศที่มีศักยภาพ คือ ซีแอลเอ็มวี (CLMV) เป็นหลัก ส่วนประเทศจีน คาดว่าธนาคารจะได้รับใบอนุญาตในช่วงกลางปีนี้ จากเดิมที่การเข้าไปทำธุรกิจในจีน เป็นสาขาของธนาคารกสิกรไทย แต่หากได้รับใบอนุญาตแล้ว ธนาคารก็จะเป็นธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน

ด้านนายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวอำลาในที่ประชุมผู้ถือหุ้นสั้นๆว่า ได้หมดวาระการเป็นกรรมการ และสิ้นสุดการเป็นพนักงานตั้งแต่วานนี้ (3 เม.ย.) จึงอยากขอขอบคุณกรรมการ ผู้ถือหุ้น และพนักงานตลอดเวลาที่ทำงานมา