เวิร์คพอยท์ขึ้นโฆษณารายการฮิตพุ่ง4.2แสน/นาที

เวิร์คพอยท์ขึ้นโฆษณารายการฮิตพุ่ง4.2แสน/นาที

“เวิร์คพอยท์”ขยับราคารายการเรทติ้งพุ่ง 10% เม.ย.นี้ ประเดิม2 รายการ “หน้ากากนักร้อง-ไอแคนซี ยัวร์ วอยซ์” ราคาเสนอขายแตะ 4.2 แสนบาท/นาที

มีเดีย เอเยนซี รายงานว่าหลังจาก 2  รายการ ทางช่องเวิร์คพอยท์ทีวี คือ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง และ I can see your voice มีเรทติ้งผู้ชมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดรายการหน้ากากนักร้อง (วันที่ 23 มี.ค.)เรทติ้งทั่วประเทศ อายุ 15 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 13.8 ส่วนรายการ ไอ แคน ซี ยัวร์ วอยซ์ (วันที่ 22 มี.ค.)อยู่ที่ 6.7  

            ส่งผลให้เวิร์คพอยท์ประกาศปรับราคาโฆษณาทั้ง 2 รายการอีกครั้งในเดือน เม.ย.นี้   จากเดิมราคาเสนอขาย(rate card) อยู่ที่ 3.8 แสนบาท/นาที เพิ่มเป็น 4.2 แสนบาท/นาที หรือปรับขึ้น 10%  

            โดยก่อนหน้านี้ เวิร์คพอยท์ได้ประกาศปรับราคาโฆษณาตั้งแต่ ม.ค.2560 เพิ่มขึ้น ราคาเฉลี่ยทั้งช่อง จากนาทีละ 50,000 บาท เป็น 55,000 บาท

            สำหรับรายการหน้ากากนักร้อง ซีซัน2  ที่จะเริ่มในวันที่ 6 เม.ย.นี้ เวิร์คพอยท์ขายโฆษณาเต็มเวลาแล้ว

            การปรับราคาโฆษณา 2 รายการล่าสุดที่ 4.2 แสนบาท/นาที ดังกล่าว ถือเป็นการขยับราคาใกล้เคียงกับราคาละครไพรม์ไทม์ช่อง 3 และช่อง 7  ที่มีราคาโฆษณาเสนอขาย อยู่ที่ 4.8-5 แสนบาท/นาที

            นายชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัลทีวี บริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตั้งแต่ต้นปีภาพรวมเรทติ้งทีวีขยับขึ้นหลายรายการ ทั้งกลุ่มรายการประกวดร้องเพลง ไมค์ทองคำ, ไมค์หมดหนี้ ,ชิงร้อยชิงล้าน  

            ทั้งนี้ 2 รายการที่เรทติ้งปรับขึ้นสูง คือ  The Mask Singer  และ I can see your voice ทำให้มีความต้องการลงโฆษณาเข้ามาจำนวนมากและสามารถปรับราคาโฆษณาได้เพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย.นี้ พร้อมกันนี้จะเพิ่มผังรายการใหม่ในไตรมาส 2 เกือบทุกเดือน  เช่น  รายการ My Little TV  ซึ่งเป็นรูปแบบการผสานวิธีนำเสนอคอนเทนท์ 2 หน้าจอ ทั้งจอทีวีและออนไลน์เข้าด้วยกัน  

            นอกจากนี้เตรียมผลิตรายการใหม่ประเภทวาไรตี้ นำเสนอเฉพาะช่องทางออนไลน์ ทั้งยูทูบ แชนแนล และเฟซบุ๊ค ซึ่งจะทยอยเปิดตัวช่วงไตรมาส2 และ 3 เป็นต้นไป การพัฒนาคอนเทนท์ออนไลน์ดังกล่าว เนื่องจากเห็นโอกาสจากการเติบโตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งมีคอนเทนท์หลายรูปแบบที่เหมาะกับช่องทางออนไลน์ แต่อาจไม่เหมาะกับสื่อทีวี

            ปัจจุบันแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับความนิยมทั้งยูทูบและเฟซบุ๊ค ถือที่เป็นคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ ทำให้มีโอกาสทำงานร่วมกับลูกค้าและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เดิมปีนี้วางเป้าหมายรายได้ออนไลน์ไว้ที่ 80-90 ล้านบาท แต่ตัวเลขผู้ชมผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งมีแผนนำเสนอวีดิโอคอนเทนท์ผ่านเฟซบุ๊คเพิ่มขึ้นในปีนี้ และการผลิตรายการเฉพาะช่องทางออนไลน์ ดังนั้นมีโอกาสปีนี้จะทำรายได้แตะ 100 ล้านบาท ขณะที่รายได้หลักจากโฆษณาทีวีปีนี้อยู่ที่ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%