'ส.จ.เติ้ง'บุตรชาย'โสภณ ซารัมย์'ประสบอุบัติเหตุดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 01.00 น. (25 มี.ค.60) พ.ต.ต.วุฒิพงษ์ ปานาลาด สารวัตรเวร สอบสวน สภ.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนท้ายรถบรรทุกอ้อย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่บ้านโคกสว่าง หมู่ 3 ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.เมืองแฝก

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ 2323 บุรีรัมย์ชนอัดก็อบปี้กับรถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 82-5993 บุรีรัมย์ ที่จอดอยู่ข้างทาง ซึ่งมีนายทองใบ ปะโปตินัง อายุ 63 ปี เป็นคนขับ อยู่บ้านเลขที่ 40/2 หมู่ 16 ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ โดยสภาพด้านหน้ารถกระบะพังยับเกือบถึงกระบะท้ายมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ในรถกระบะ 3 ราย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำผู้บาดเจ็บออกจากตัวรถ ทราบชื่อคือ นายอมฤต เดชเจริญ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 7 ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เป็นคนขับรถกระบะได้รับบาดเจ็บแขนซ้ายหัก และหญิงสาวไม่ทราบชื่อ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

นอกจากนั้น ยังมีนายอาณัตพณ ซารัมย์ หรือ ส.จ.เติ้ง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 9 ต.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภา อบจ.บุรีรัมย์ เขต อ.คูเมือง เขต 2 เป็นบุตรชายคนโตของ นายโสภณ ซารัมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ติดอยู่บริเวณที่นั่งด้านคู่หน้ากับคนขับ อาการสาหัสเจ้าหน้าที่กู้ชีพต้องใช้เวลานานกว่า 30 นาที จึงนำร่างออกมาได้ เพื่อช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลเอกชนบุรีรัมย์ แต่ได้เสียชีวิตก่อนถึงมือแพทย์

จากการสอบสวนนายทองใบ คนขับรถบรรทุก ให้การว่าก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.(24 มี.ค.60) ได้กลับจากนำอ้อยไปส่งที่โรงงาน และแวะกลับมากินข้าวและพักผ่อนที่บ้านซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่จอดรถกระทั่งได้ยินเสียงดังสนั่นจึงเดินออกมาดูก็พบมีรถกระบะพุ่งชนท้ายรถของตนเองดังกล่าว

ทั้งนี้จากการสอบสวน นายอมฤต ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะและเป็นญาติของผู้เสียชีวิต ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อน และส.จ.เติ้ง ได้กลับจากไปช่วยงานในตัวเมืองบุรีรัมย์หลังจากเสร็จงานจึงพากันขับรถกลับบ้านพัก ที่บ้านหนองเก้าข่า ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร โดย ส.จ.เติ้ง นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ

ซึ่งเป็นทางโค้งและถนนแคบ ประมาณ 2.50 - 3 เมตร รถวิ่งสวนกันลำบากประกอบกับในจุดเกิดเหตุไฟฟ้าส่องสว่างเสีย จึงทำให้ทางค่อนข้างมืดมองไม่เห็นรถบรรทุกจอดอยู่ริมถนนจึงขับพุ่งชนท้ายอย่างจังเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและจะได้เรียกตัวคนขับรถบรรทุกมาสอบสวนและรอสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง