MORNING CALL ACTION NOTES (24 มี.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (24 มี.ค.60)

Selective Buy

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวแคบเนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นการลงทุน ประกอบกับมีแรงขายกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีข่าวเฉพาะตัว ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,568.72 จุด (+2.06 จุด) Vol. 3.8 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +396 ลบ. , TFEX Net -778 สัญญา , ตราสารหนี้ไทย Net +1,699 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+/- ประธานเฟดไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ หรือส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงินในการกล่าวสุนทรพจน์วานนี้

- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงหลังการผลักดันร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเสียงสนับสนุนไม่พอ ซึ่งอาจส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ต้องล่าช้าออกไป

- ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงล่าสุด 47.8 US/Barrel จากความกังวลภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ หลังสต็อกน้ำมันดิบและแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น

+ Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 5 วันราว 4 พันลบ. รวมถึงเงินบาทแข็งค่าขึ้นล่าสุด 34.6 Bath/USD.

+/- กพท.พร้อมส่งหนังสือถึง ICAO วันที่ 30 มิ.ย. เชิญตรวจประเมินปัญหาการบินปลดล็อกธงแดง หากแอร์ไลน์ใดยังไม่ได้ AOC ใหม่ ต้องยุติบินระหว่างประเทศตั้งแต่ 1 ก.ค.60

** 24 มี.ค. สภาผู้แทนฯสหรัฐเตรียมโหวต. "อเมริกันเฮลธ์แคร์" รอบใหม่

ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลเข้าในช่วง 5 วันทำการราว 4 พันลบ. รวมถึงแรงซื้อดักการทำ Window Dressing Q1/17 ในช่วงสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัว 1,560 – 1,575 จุด

กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy

- กลุ่มสายการบิน อานิสงส์ต้นทุนน้ำมันอ่อนตัวลง และ กพท.เตรียมส่งหนังสือให้ ICAO ตรวจปลดล็อกธงแดง 30 มิ.ย.

- กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอ่อนตัวลง เช่น EPG

- กลุ่มเหล็ก ราคาเหล็กรีดร้อนพุ่งทำ High ในรอบ 2 ปี ล่าสุด 653 USD/Ton

- กลุ่มผู้ส่งออกเนื้อไก่ (CPF GFPT TFG) รับอานิสงส์จีน ฮ่องกง สหภาพยุโรประงับนำเข้าเนื้อสัตว์จากบราซิล และเกาหลีใต้เตรียมยกเว้นภาษีนำเข้าไก่ไทย

** ประเด็นลบ (TASCO) พาณิชย์สั่งผู้ผลิตยางมะตอย ลดราคาขายให้สอดคล้องต้นทุนที่แท้จริงในสัปดาห์นี้ หลังปรับขึ้นราคาถึง 100% ลั่นถ้าไม่ทำตาม เตรียมจับเข้าบัญชีสินค้าควบคุม

หุ้นแนะนำพิเศษ

EPG ราคาปิด 13.70 บาท Bloomberg consensus 16.28 บาท

- Consensus คาดกำไรปี 2017 ที่ราว 1.6 พันลบ.(+14% YoY) โดยบริษัทยืนยันเป้ารายได้เติบโต 15 - 20% เป็น 1 หมื่นลบ.(9M17 ทำได้แล้ว 7.1 พันลบ.) เนื่องจากคาดว่ายอดขายบรรจุภัณฑ์ของ EPP จะเติบโตขึ้นจากการเจาะตลาดใหม่ Mass product (เดิมเป็น High Product) ประกอบกับคาดว่ายอดขาย AFC จะขยายตัวตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงAFC จะมีงาน Project ใหญ่หลายงานทั้งในจีน เวียดนามและญี่ปุ่น โดยบริษัทยังคงตั้งเป้า Gross Margin ระดับ28 - 32% Net Margin ไว้ที่ราว 15% เช่นเดิม

- จุดเด่นของบริษัท D/E ต่ำเพียง 0.3 เท่า ROE สูงราว 16% และเป็นบริษัท Innovation ที่มีนวัตกรรมใหม่ของตัวเอง

- ได้ประโยชน์จากการปรับลดภาษีธุรกิจตามนโยบายของปธน.ทรัปม์(โดยปัจจุบันจ่ายภาษีราว 1 ล้าน USD. ที่ Tax Rate 36.5% )

หุ้นมีข่าว

- ประเด็นบวก TRC (ราคาปิด 1.58 ซื้อ ราคาเหมาะสม 1.75) จ่อเซ็นสัญญางานเหมืองโปแตซ มูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท เร็วๆ นี้ หลังคลังเตรียมใส่เงินเพิ่มทุนส่วนที่เหลืออีก 80 ล้านบาท ใน 1-2 สัปดาห์นี้ หนุนงานในมือพุ่งแรงขณะที่ผู้บริหารการันตีผลงานปีนี้โตเท่าตัว พร้อมจับมือพันธมิตรลุยงานใหญ่ มูลค่า 2.65 หมื่นล้านบาท (ที่มาทันหุ้น)

- ประเด็นบวก SCN (ราคาปิด 7.80 ซื้อ ราคาเหมาะสม 9.90) จะลงทุนสร้างสถานี NGV ตามแนวท่อก๊าซฯ 2 แห่ง มูลค่ารวม 225 ลบ.,ทำสัญญาซื้อขายก๊าซฯกับปตท.ใหม่ 2 สัญญา

- DEMCO (ราคาปิด 6.50 Bloomberg Consensus 7.40) เตรียมเข้าประมูลงานภาครัฐกว่า 2 หมื่นลบ.ปีนี้,ชะลอลงทุนพลังงาน-เดินหน้าระบบน้ำ

- KCE (ราคาปิด 105 Bloomberg Consensus 114.08) ตั้งเป้ารายได้แตะ 3 หมื่นลบ.ภายในปี 64,เตรียมตั้งรง.ใหม่ขยายกำลังผลิต-ศึกษาขยายไลน์ผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน

- ECF แจงวางมัดจำ 50 ลบ.ศึกษาความเป็นไปได้ลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล 7.5 MW ของกลุ่ม IFEC

- TPIPP กำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 7 บาท/หุ้น โดยจะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 2,500 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในเดือนเม.ย.

- SGF ตลท.เห็นควรให้มีการซื้อขาย "SGF-F และ SGF-Q1" ได้ตั้งแต่ 24 มี.ค. 60 เป็นต้นไป

- CRANE เพิ่มทุน 348.21 ล้านหุ้น ขาย RO 4:1 ที่ 2 บ./หุ้น พร้อมแถมวอแรนท์

- TPIPP กำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 7 บาท/หุ้น จากราคาเบื้องต้น 6-7 บาท/หุ้น

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -4.72 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,656.58 จุด ลดลง 4.72 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,817.69 จุด ลดลง 3.95 จุด หรือ -0.07% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,345.96 จุด ลดลง 2.49 จุด หรือ -0.11% หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เลื่อนการลงมติเกี่ยวกับการนำร่างกฎหมาย "อเมริกันเฮลธ์แคร์" มาใช้แทนกฎหมาย "โอบามาแคร์" เนื่องจากเสียงสนับสนุนของพรรครีพับลิกันยังไม่มากพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายอเมริกันเฮลธ์แคร์อาจส่งผลให้การมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องล่าช้าออกไป

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.34 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 47.70 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบและแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว