MORNING CALL ACTION NOTES (22 มี.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (22 มี.ค.60)

อ่อนตัวตามปัจจัยภายนอก

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ยังคงปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังกระแส Fund Flow ต่างชาติจะไหลเข้าต่อเนื่อง หลัง Foreign พลิกเป็นฝั่งซื้อสุทธิ และเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้มีแรงซื้อกลุ่ม ENERG BANK ICT หนุนให้ SET ปิดที่ 1,568.78 จุด (+5.24 จุด) Vol. 3.5 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +1,533 ลบ. , TFEX Net +12,025 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้น DJ ทรุดตัวลงแรงจากความไม่แน่นอนในการใช้แผนการลงทุนของสหรัฐ เช่น โครงการสาธารณูปโภคมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ แผนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ แผนปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชนชั้นกลาง และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับภาคธุรกิจ

- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 48.2 US/Barrel หลังคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้น 2 ล้านบาร์เรล อีกทั้งจำนวนแท่นขุดเจาน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 14 แท่น สู่ 631 แท่น

+ Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 3 วันราว 3.7 พัลบ. รวมถึงเงินบาทแข็งค่าขึ้นล่าสุด 34 .7 Bath/USD.

+ ครม.เห็นชอบจัดตั้งนิคมฯเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว วงเงิน 1.6 พันลบ. , โครงการสินเชื่อช่วยเหลือ SME วงเงิน 1.5 หมื่นลบ.ดอกเบี้ย 3% +/- ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปรับลดเพดานภาษีที่รกร้างเหลือ 2% จากเดิม 5% ,บ้านราคาไม่เกิน 50 ล้านบาทไม่ต้องเสียภาษี ที่เกษตรเก็บไม่เกิน 0.2% ของฐานภาษี เตรียมเข้า สนช. ภายใน 2-3 เดือน

** 23 มี.ค. ติดตามประธาน FED "เยลเลน" กล่าวสุนทรพจน์เพื่อจับสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป

** 29 มี.ค. การประชุมกนง.คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5%

ภาวะตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจาก sentiment เชิงลบของตลาดหุ้นรอบบ้านเนื่องจากความไม่แน่นอนของแผนการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงและ VIX idex พุ่งขึ้น 10% สู่ 12.4 จุด ซึ่งทำให้ Fund Flow ต่างชาติมีโอกาสชะลอตัวหลังจากเป็น Net Buy 3 วันต่อเนื่องราว 3.7 พันลบ. อีกทั้งแรงกดดันกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันทรุดตัวลงแรง อย่างไรก็ตามเราคาดว่าดัชนีจะมีแรงซื้อดักการทำ Window Dressing Q1/17ในช่วงดัชนีอ่อนตัว ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1,560 จุดก่อนจะสลับเด้งรีบาวด์

กลยุทธ์การลงทุน รอซื้อช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy

- TTA PSL ค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 3 เดือน ล่าสุด 1,200 จุด

- TASCO ราคายางมะตอย +8%MoM และต้นทุนราคาน้ำมันอ่อนตัวลง

- กลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น SCB KTB KBANK



หุ้นแนะนำพิเศษ

TPCH (ราคาปิด 19.20 บาท ราคาเหมาะสม 23.4 บาท )

- กำไรปี 59 อยู่ที่ 201 ล้านบาทเติบโต 237%YoY จากโรงไฟฟ้า 2 แห่ง (MGP TSG กำลังการผลิตรวม 20 MW) ที่ COD ในไตรมาส 2/59 และไตรมาส4/59 ตามลำดับ ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 40MW

- ปี 60 เราคาดว่ากำไรจะเติบโตขึ้นสู่ระดับ 363 ล้านบาท +80%YoY เนื่องจากรับรู้โรงไฟฟ้า MGP และ TSG เต็มปี นอกจากนี้คาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าอีก 2 แห่ง (PGP SGP กำลังการผลิตรวม 20 MW) ที่จะCOD ในไตรมาส2/60 และไตรมาส 3/60 ตามลำดับเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

- ฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเหมาสม 23.4 บาท (ประเมินด้วยวิธี DCF) เนื่องจากบริษัทสามารถเติบโตจากโครงการโรงไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง โดยคาดว่าจะ COD โรงไฟฟ้าเพิ่มในปี 61 อีก 4 แห่งกำลังการผลิตรวม 48 MWและในปี 62 คาดว่าจะ COD เพิ่มอีก 2 แห่งกำลังการผลิตรวม 33 MW อีกทั้งมีศักยภาพการในการเติบโตจากการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้า SPP HYBRID FIRM และ VSPP+SEMI FIRM รวม 589 MW บริษัทตั้งเป้าหมายชนะการประมูลราว 50 MW เข้ามาหนุนผลประกอบการในอนาคต

หุ้นมีข่าว

- ประเด็นบวก BEM (ราคาปิด 7.25 ถือ ราคาเหมาะสม 7.40) “คมนาคม” ยันงานเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อขยายไม่มีปัญหา เหตุที่ ครม. ยังไม่พิจารณา เพราะรอความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มั่นใจสัปดาห์หน้าได้รับไฟเขียว พร้อมเซ็น BEM ทันในเดือนมี.ค.นี้ (ที่มาข่าวหุ้น)

- WICE (ราคาปิด 3.60 ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.45) โดดรับธุรกิจ SEL ในสิงคโปร์ทำเงินวงในเผยจะรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้เป็นปีแรก ชี้ผลักดันผลงานไตรมาส 1/2560 รวมถึงทั้งปี 2560 เติบโตต่อเนื่อง คาดวิ่งเข้าเป้ารายได้โตเพิ่ม 30% จากปีก่อน แถมวางแผนอัดงบ 230 ล้านบาท เสริมแกร่งคลังสินค้า-ระบบโลจิสติกส์ ปูทางโกยเงินระยะยาว (ที่มาทันหุ้น)

- BCP (ราคาปิด 33.75 ซื้อ ราคาเหมาะสม 41) เร่งขยายฐานต่างแดนเดินหน้าผุดปั๊มน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านปักหมุดลาว พม่า กัมพูชา "สมชัย เตชะวณิช" เผยอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรศึกษาตลาดและข้อกฎหมาย คาดเดือนเมษายน 2560 ได้ข้อสรุปชัด ส่วนในไทยตั้งเป้าขยายปั๊ม 120 แห่ง คาดใช้งบลงทุนเกือบ 3 พันล้านบาท หวังผลักดันยอดขายปีนี้โตเพิ่ม 10% (ที่มาทันหุ้น)

- ประเด็นบวกกลุ่มพลังงานทดแทน - กกพ.คาดค่าเอฟทีงวดพ.ค.-ส.ค. เพิ่มกว่า 20 สต./หน่วย หลังต้นทุนก๊าซฯสูง-พลังงานหมุนเวียนเข้าระบบมาก-แหล่งก๊าซฯหยุดซ่อม

- ประเด็นลบกลุ่มอสังหาฯ - ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปรับลดเพดานภาษีที่รกร้างเหลือ 2% จากเดิม 5% (เพิ่ม 0.5% ทุก 3 ปี แต่ต้องไม่เกิน 5%) บ้านราคาไม่เกิน 50 ล้านบาทไม่ต้องเสียภาษี ที่ดินเกษตรเก็บไม่เกิน 0.2% ของฐานภาษี เตรียมเข้า สนช. ภายใน 2-3 เดือนนี้ มีผลบังคับใช้ต้นปี 62

  ความเห็น ส่งผลกระทบต่อหุ้นอสังหาฯ ที่มี land bank เป็นจำนวนมากที่จะโดนเรียกเก็บภาษีที่ดินที่รกร้าง อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าจะเห็นการปรับตัวในการขายที่ดินที่ไม่ได้พัฒนาออกจากพอร์ต จึงมองว่าเป็นประเด็นลบในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวน่าจะมีส่วนทำให้ราคาที่ดินลดลงจาก supply ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาเป็น “Neutral” แนะนำ ลงทุนระยะยาวรับเงินปันผล QH (ราคาปิด 2.6 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 3.10 บาท yield 6-7%)

- GLAND เปิดตัวกองทรัสต์ GLANDRT มูลค่าราว 6 พันลบ.ลงทุนสิทธิการเช่าพื้นที่อาคาร เดอะไนน์ ทาวเวอร์ส และอาคารยูนิลีเวอร์ เฮ้าส์’

- EFORL เล็งลดถือหุ้น WCIH บริษัทแม่ "วุฒิศักดิ์" จากระดับ 50.17% เจรจาพันธมิตรเข้าถือหุ้นคาดสรุปเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ยังเผยว่าได้ชำระหนี้ตั๋วแลกเงินครบกำหนดชำระแล้วมูลค่า 30 ลบ.

- UPA เตรียมเซ็น MOU 4 พาร์ทเนอร์ลุยโรงไฟฟ้าก๊าซ 200 MW ในเมียนมา พ.ค.นี้ คาด COD ปี 65

- SEAFCO รับงานใหม่ 3 โครงการ รวมมูลค่าราว 376 ลบ. ประกอบด้วย โครงการโรงพยาบาลฟัน ถนนสุขุมวิท 71 โครงการทางหลวงพิเศษบางปะอิน-นครราชสีมา ช่วงที่ 18 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำกก จ.เชียงราย

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -237.85 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,668.01 จุด ร่วงลง 237.85 จุด หรือ -1.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,793.83 จุด ลดลง 107.70 จุด หรือ -1.82% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,344.02 จุด ลดลง 29.45 จุด หรือ -1.24%เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษี และการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.88 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 88 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 47.34 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่านอกจากซาอุดิอาระเบียแล้ว จะมีประเทศสมาชิกรายอื่นๆของโอเปกที่ออกมาให้คำมั่นว่าจะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่

Analyst Meeting

SNC (ราคาปิด 17.20 บาท IAA Consensus เฉลี่ยที่ 18.85 บาท )

- ปี 2017 บริษัทคาดรายได้จะทรงตัว YoY ที่ราว 7.5 พันลบ. แต่จะเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อปรับองค์กรให้กระชับขึ้นโดยตั้งเป้าลดการขาดทุนของบ.ลูก (SCAN) หลังขาดทุนราว 80 ลบ.ในปีก่อน พร้อมกับการประหยัดค่าขนส่งหลังย้ายเครื่องจักรจากโรงงานที่ระยองไปสมุทรปราการ รวมถึง Solar roof ที่โรงงานระยองจะช่วยลดค่าไฟ้ได้ราว 1 ล้านบาท/เดือน ซึ่งช่วยหนุนต่อกำไรในปี 2017

- บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดินและโรงงานเดิมที่แหลมฉบังจำนวน 48 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรพิเศษเนื่องจากเป็นพื้นที่ในโซน EEC ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วง 1H17

- แนวโน้มผลประกอบ Q1/17 (ซึ่งเป็น High Season ของทุกปี) คาดว่าจะไม่โดดเด่นเหมือน Q1/16 ที่มีกำไร 164 ลบ. เนื่องจากถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยสายการผลิต OEM ที่เพิ่งย้ายไประยองยังไม่ราบรื่นส่งผลให้มีของเสียในขบวนการผลิตมาก รวมถึงมีค่าใช้จ่ายแรงงานสูงขึ้น โดยบริษัทคาดว่าสายการผลิตจะเข้าที่ได้ราว Q2/17

- P/E 12.5 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 23.6 เท่า และ Div ราว 5%