ซัมซุงชิงตลาด 'ดิจิทัลไซเนจ' 2.5 พันล้าน

ซัมซุงชิงตลาด 'ดิจิทัลไซเนจ' 2.5 พันล้าน

ชี้ตลาดไทยโต30%ส่งรุ่นใหม่ยึดเบอร์1

“ซัมซุง” สบช่องดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นดันตลาด 'ดิจิทัลไซเนจ' ไทยโตแรง เปิดกลยุทธ์ 2560 ดันผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ลุยหนัก เสริมแกร่งคู่ค้า ยกระดับบริการหลังการขาย มั่นใจยึดที่ 1 ตลาดไทยได้ต่อปีนี้

นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธาน กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาด ดิจิทัลไซเนจหรือ จอดิจิทัล ในตลาดไทยปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัว 30% มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญ มาจากการเข้าถึงที่ง่ายขึ้น ราคาจับต้องได้ หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งมีการผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้เป็นครื่องมือส่งเสริมการตลาด โดยเฉลี่ยตลาดดังกล่าวสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องเฉลี่ย 20% ทุกปี

อย่างไรก็ดี เมื่อปี 2559 เป็นช่วงที่ตลาดเติบโตได้สูงที่สุดกว่า 70% จากการเติบโตการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล การขยายตัวของธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่

ข้อมูลระบุด้วยว่า ปี 2561 ตลาดรวมทั่วโลก จะมีมูลค่าสูงถึง 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.36 แสนล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าเพียง 7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.43 แสนล้านบาทในปี 2557 ปัจจัยหลักมาจากความก้าวหน้าเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มโอกาสเติบโต การเติบโตภาคธุรกิจโดยรวม รวมถึง การเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคดิจิทัลซึ่งผลักดันให้ภาคธุรกิจหันมาใช้ดิจิทัลไซเนจทดแทนป้ายรูปแบบดั้งเดิม

“ดิจิทัลไซเนจถูกนำไปใช้สร้างสรรค์คอนเทนท์ เพิ่มความน่าสนใจสื่อสารกับผู้บริโภค ทั้งช่วยผลักดันยอดขาย อีกทางหนึ่งความสามารถการบริหารจัดการคอนเทนท์ด้วยโซลูชั่นเข้าไปช่วยลดขั้นตอน ความยุ่งยากการสั่งงานเพื่อปรับเปลี่ยนคอนเทนท์ได้พร้อมทุกจุดในคราวเดียวจากส่วนกลาง”

นอกจากนี้ จอดิจิทัลไซเนจที่รองรับคอนเทนท์ระดับยูเอชดีมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 12.9% ในปี 2563 จากเดิมเพียง 0.7% ในปี 2557 คาดว่า จอดิจิทัลไซเนจ ขนาด 50 นิ้วขึ้นไปจะกลายเป็นขนาดมาตรฐาน คาดว่าจะมีส่วนแบ่งในตลาดสูงถึง 61% ในปี 2562 จากเดิมเพียง 38.2% ในปี 2558

สำหรับกลยุทธ์ซัมซุงปีนี้ มุ่งเพิ่มความหลากหลายสินค้าทั้งจำนวนรุ่นและขนาด โดยรวมขณะนี้มีสินค้าวางตลาดกว่า 90 รุ่น

ด้านแนวทางจำหน่าย เน้นสร้างมูลค่าเพิ่ม ไม่ใช่เพียงแค่ขายฮาร์ดแวร์ บริษัทจะพยายามเปิดตลาดสินค้าและบริการที่ครอบคลุมความต้องการมากที่สุด พร้อมมีโซลูชั่นครอบคลุมการใช้งานทุกอุตสาหกรรม ขณะที่ ปีนี้เน้นเสริมความแข็งแรงให้คู่ค้า ให้ทำตลาดได้ครอบคลุมขึ้น ขณะเดียวกันให้การศึกษาตลาด ดึงให้ผู้ติดตั้งระบบหันมาสนใจตลาดนี้มากขึ้น ขณะนี้ซัมซุงมีคู่ค้าดีลเลอร์กว่า 100 ราย

ส่วนจุดแข็งบริการหลังการขายแบบออนไซต์หรือซ่อมถึงที่ 3 ปี ตั้งดีลเลอร์เซอร์วิสเซ็นเตอร์อีก 10 ราย ขณะที่ศูนย์บริการของซัมซุงมีอยู่ 30 แห่งทั่วประเทศ

กลุ่มลูกค้าหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจการเงินการธนาคาร มีเดีย ค้าปลีก สนามบิน ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า การขนส่งโรงแรม ลูกค้ากว่าครึ่งอยู่ในพื้นที่กทม. ส่วนต่างจังหวัดเริ่มขยับตัวมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการศึกษาและภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ซัมซุงวางตำแหน่งทางการตลาดเป็นผลิตภัณฑ์พรีเมียม ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกอบด้วยซัมซุง วีดิโอ วอลล์ รุ่น “ยูเอช55เอฟ-อี” พร้อมขอบบางที่สุด ระยะรอยต่อระหว่าง 2 จอเพียง 1.7 มิลลิเมตร คมชัด ทนทานสูง ใช้งานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง พร้อมด้วย “จอสมาร์ทแอลอีดี” คุณภาพสูง สำหรับใช้งานได้หลากหลายเชิงพาณิชย์ ประหยัดพลังงาน รวมถึง “กระจกดิจิทัลอัจฉริยะ” ซีรีส์ เอ็มแอลอี พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมเป็นกระจกในตัว

ปัจจุบัน ซัมซุงครองอันดับ 1 ตลาดดิจิทัลไซน์เนจในไทยปีนี้ ตั้งเป้าเติบโตได้เทียบเท่าหรือมากกว่าตลาดรวม