'น้องคิว'ประกาศงดรับบริจาคค่าเทอม ลั่นอโหสิให้คนไม่รู้

'น้องคิว'ประกาศงดรับบริจาคค่าเทอม ลั่นอโหสิให้คนไม่รู้

"น้องคิว" ประกาศงดรับบริจาคอ้างเงินเพียงพอกับค่าเล่าเรียนแล้ว พร้อมจุดธูปที่ศาลหลักเมืองบอกกล่าวแม่ ลั่นอโหสิให้ผู้ไม่รู้ความจริง

นายอธิวัฒน์ วิทย์พิชิตชัย หรือน้องคิว อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม ที่สอบติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ภาคเคมี แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม พร้อมนางจันทร์จิรา เกียรตินอก อายุ 43 ปี ป้า ได้เดินทางไปจุดธูปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อบอกกล่าวดวงวิญญาณของแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ว่าขณะนี้ได้มีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือค่าเทอมและค่าเล่าเรียน ที่ตนเองได้สอบติดวิศวะ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตามฝันและที่ได้สัญญาไว้กับแม่ก่อนเสียชีวิตแล้ว

พร้อมกันนี้ น้องคิว ยังได้ประกาศยุติรับบริจาคจากผู้ใจบุญที่หวังดี เนื่องจากขณะนี้มียอดเงินบริจาคช่วยเหลือค่าเล่าเรียนแล้วกว่า 1 ล้าน 6 แสนบาท ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายค่าเทอมและใช้จ่ายในระหว่างเรียนแล้ว แต่ไม่สามารถปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นบัญชีที่ใช้กู้ยืมเงิน กยศ.ในระหว่างการศึกษาที่ผ่านมา แต่อยากให้ผู้ใจบุญได้บริจาคช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสรายอื่น ซึ่งจากนี้ไปตนจะเป็นคนดีของสังคมและตั้งใจเรียนตามเจตนาของผู้ใจบุญและผู้มีจิตศรัทธา ที่ได้บริจาคเงินช่วยเหลือให้ตนมีโอกาสได้ศึกษาตามที่ฝันไว้

ทั้งนี้ น้องคิว ยังได้นำหลักฐานสูติบัตรหรือใบเกิด และหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ มายืนยันต่อสื่อมวลชน กรณีที่ถูกกล่าวหาในโลกโซเชียลกรณีพ่อจริง พ่อปลอมว่า พ่อที่อยู่ด้วยปัจจุบันเป็นพ่อเลี้ยง ส่วนพ่อจริงหรือพ่อที่ให้กำเนิดนั้นได้ทิ้งไปตั้งแต่ตนอายุ 4 ขวบ ที่ผ่านมาตนไม่เคยโกหกพร้อมให้ทุกคนเข้ามาตรวจสอบได้ ส่วนที่บอกกับสื่อไปว่า พ่อเลี้ยงไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับร้านอาหารตามสั่งของแม่ และบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับแม่นั้น ตนแค่บอกเรื่องราวที่แท้จริงกับสื่อเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวพาดพิงพ่อเลี้ยง พร้อมขอโทษพ่อเลี้ยงที่ได้พาดพิงถึง หากมีโอกาสเรียนจบมีงานทำมีรายได้ ก็จะกลับมาตอบแทนพระคุณพ่อเลี้ยง ที่เคยดูแลช่วงที่แม่ยังมีชีวิตอยู่

ส่วนกรณีที่มีผู้ออกมาโพส์ตในโลกโซเชียลกล่าวหาตนกับป้าว่าหลอกลวง เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือนั้น ก็ขอยืนยันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แต่ตนก็จะไม่ตอบโต้และขออโหสิให้กับบุคคลดังกล่าว เพราะบางคนอาจจะไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเอง แต่ก็อยากวิงวอนให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียและทำให้สังคมเข้าใจตนกับป้าผิด