เจาะค่ายกล 'ชิตังเม' ยุทธวิธีทหารจริงหรือ?

เจาะค่ายกล 'ชิตังเม' ยุทธวิธีทหารจริงหรือ?

ภาพถ่ายมุมสูงใกล้อาคารบุญรักษา ของวัดพระธรรมกาย ที่บันทึกได้จากโดรน และดีเอสไอนำมาเปิดเผย ต่อสื่อมวลชนจนสร้างกระแสฮือฮา

เพราะมีทั้งการขุดคูน้ำและปล่อยน้ำเข้าไปทั้งหมด 5 ช่องทาง รวมทั้งการใช้ถังน้ำมัน 200 ลิตรวางเรียงกันเป็นแนวยาว เช่นเดียวกับท่อปูน คล้ายเป็น “ป้อมค่าย” หรือ “ค่ายกล” ในสมรภูมิรบ ทำให้ดีเอสไอสันนิษฐานว่าอาจเป็นการใช้ “ยุทธวิธีทางทหาร” ในการดำเนินการบางอย่างเพื่อตอบโต้หรือสกัดการบุกของเจ้าหน้าที่

แต่ล่าสุด พระชาญณรงค์ อุตฺตโม พระวัดพระธรรมกาย ออกมาชี้แจงผ่านสื่อว่าเป็นเรื่องของการขึงสแลนสีเขียวเพื่อกันแดด กันฝุ่น และลมร้อนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาขัดขวางใคร

คำถามคือ...ภาพที่เห็น กับความจริงที่เป็น และคำชี้แจงของทางวัด สอดคล้องและมีความเป็นไปได้ขนาดไหน?

จากการตรวจสอบของ “ทีมล่าความจริง” กับนายทหารในกองทัพผู้ช่ำชองสมรภูมิ ได้ข้อมูลว่า หากจะมองว่าเรื่องนี้เป็นยุทธวิธีทางทหาร ก็สามารถมองได้ แต่เป็นยุทธวิธีที่ใช้มาแต่โบราณ คือขุดคูน้ำคล้ายคูเมืองเพื่อปล่อยน้ำเข้า หรือหนักกว่านั้นก็คือเตรียมจุดไฟเพื่อสกัดกั้นการบุกหรือรุกล้ำของข้าศึกศัตรู เรียกในภาษาทางทหารว่า “การสร้างสิ่งกีดขวางเพื่อต้านทานการเคลื่อนกำลัง” ซึ่งมีหลายวิธี โดยวิธีการขุดคูน้ำหรือเตรียมน้ำมันไว้จุดไฟก็เป็นรูปแบบหนึ่ง อาจเตรียมเทน้ำมันลงในคูน้ำแล้วจุดไฟ เพื่อให้ไฟลุกเป็นแนวยาวเหมือนกำแพงไฟเพื่อสกัดกั้นการบุกของเจ้าหน้าที่ และขณะเดียวกันก็จะสามารถควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามไปบริเวณอื่นได้ด้วย

 วิธีการแบบนี้ใช้มาตั้งแต่สมัยโรมัน รวมถึงในสามก๊ก ขงเบ้งก็เคยใช้ ขณะที่ในบ้านเราก็มีในการรบสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้าขนาดนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ถึงทางวัดจะคิดทำ แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็รู้เท่าทันได้ไม่ยาก เพราะหากมีการจุดไฟในคูน้ำ ก็ใช้โฟมฉีดให้ดับเป็นจุดๆ ได้

 ข้อมูลจากหลายแหล่งที่ “ทีมล่าความจริง” ตรวจสอบได้ ยังคงประเมินว่าวัดพระธรรมกายไม่น่าเลือกใช้วิธีรุนแรงในการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ เพราะการคงความได้เปรียบในศึกครั้งนี้ คือการอดทนให้นานที่สุด และใช้การต่อสู้แบบ “สันติ-อหิงสา” ใครใช้ความรุนแรงก่อน น่าจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ที่สำคัญการรับข่าวสารเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายในช่วงนี้ สังคมต้องฟังหูไว้หู เพราะมีการใช้ปฏิบัติการข่าวสาร หรือ ไอโอ สาดเข้าใส่กันทั้งสองฝ่าย บางเรื่อง...สิ่งที่เห็นจึงอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น