HMPRO - ซื้อ

HMPRO - ซื้อ

กำไรเติบโตแบบมั่นคง

ประเด็นการลงทุน

แม้ปี 2560 จะเป็นอีกปีที่ยอดขายอาจเติบโตไม่ดีนัก แต่เรายังคาด HMPRO จะสามารถทำกำไรเติบโตได้ 17% ปัจจุบัน HMPRO ซื้อขายที่ PER ปี 2560 ที่ 27.1 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยกลุ่ม แต่เรามองว่าหุ้นควรจะซื้อขายในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม เนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำตลาดที่ทิ้งห่างจากคู่แข่งรายอื่นมาก เรายังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” HMPRO โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 13.10 บาท


ยอดขายสาขาเดิมยังคงชะลตัว แต่กำไรยังคงเติบโตแข็งแกร่ง

ยอดขายสาขาเดิมปี 2560 มีแนวโน้มจะเติบโตสูงกว่า 1.1% ในปี 2559 เพียงเล็กน้อย ยอดขายสาขาเดิมนับจากต้นปีจนถึงปัจจบันยังไม่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งผู้บริหารไม่คาดว่าจะเห็นการเติบโตระดับสูงในปีนี้ เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงอ่อนตัว อย่างไรก็ตามในที่ประชุม นักวิเคราะห์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้บริหารมีมุมมองเหมือนเราที่ว่า แนวโน้มกำไรน่าจะโตได้เร็วกว่ายอดขายค่อนข้างมาก หนุนโดยอัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO ที่ขยายตัว, ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น, การประหยัดของขนาดของ Mega Home และการดำเนินงานในมาเลเซียดีขึ้น เราคาดยอดขายปี 2560 เติบโต 10% และกำไรสูงขึ้น 17%


กำไรขั้นต้นของ HMPRO พลิกเป็นแนวโน้มขาขึ้น

อัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO แตะจุดสูงสุดที่ประมาณ 27% ในช่วงต้นปี 2557 ก่อนที่จะลดลงเหลือ 26.2% ในปี 2559 เนื่องจากมีการปรับรูปแบบสินค้าที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง การปรับดังกล่าวส่งผลให้สัดส่วนยอดขายสินค้าที่บริษัทเป็นเจ้าของเองลดลงจาก 20.5% ในปี 2557 เป็น 18.7% ในปี 2559 จุดประสงค์ของการปรับรูปแบบคือเพื่อสร้างความจงรักภักดีต่อตราสินค้าในระยะยาว โดยเน้นที่คุณภาพสินค้าแทนการเน้นที่ราคา ซึ่งน่าจะตรงกับความต้องการของลูกค้าของโฮมโปรซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ระดับกลาง-บน ปัจุจุบันการเปลี่ยนรูปแบบสินค้าได้เสร็จสิ้นแล้ว บริษัทตั้งเป้าให้สัดส่วนสินค้าที่บริษัทเป็นเจ้าของแบรนด์เองขึ้นมาเป็น 20% ในปี 2560 เทียบกับที่เราประเมินที่ 19.7% เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO จะเพิ่มขึ้นเป็น 26.3% ในปี 2560


มุ่งเน้นการขยายสาขาในต่างประเทศมากขึ้น

HMPRO เน้นการขยายสาขาในต่างประเทศมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าจะเปิดสาขาเพิ่ม 3 แห่งในประเทศมาเลเซีย, จากที่เปิดเพียงหนึ่งสาขาในปีที่แล้ว การเปิด 3 สาขาใหม่นี้จะหนุนให้การดำเนินงานในประเทศมาเลเซีย ถึงจุดที่จะเริ่มสามารถทำกำไรได้ในปี 2561 เทียบกับขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาทในปี 2559 ส่วนประเทศถัดไปน่าจะเป็นกัมพูชา โดยบริษัทคาดจะมีการเปิดสาขาแรกในปี 2561 ส่วนในประเทศไทยนั้น บริษัทมีแผนจะเปิด HMPRO 2-3 สาขา และเปิด Mega Home 3-4 สาขา และเนื่องจากบริษัทมองว่าการบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ บริษัทจึงจะเปิดสาขาในพื้นที่ที่อุปสงค์แข็งแกร่งเท่านั้น โดยจะเปิดสาขาโฮมโปรเฉพาะในกรุงเทพฯ ในขณะที่เมก้าโฮมจะเปิดเฉพาะในจังหวัดขนาดใหญ่