'แม็คกรุ๊ป'คาดรายได้ขายปีนี้โต 12-15%

'แม็คกรุ๊ป'คาดรายได้ขายปีนี้โต 12-15%

แม็คกรุ๊ป วางเป้ายอดขายปีนี้โต 12-15% มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องแต่งกายและไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคเอเชีย

นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปี 2560 วางเป้ายอดขายเติบโต 12%-15% โดยสินค้าหลักยังคงเป็นเครื่องแต่งกายยีนส์ ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในตลาด ขณะเดียวกันจะพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์กลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเน้นจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของตนเอง ขยายธุรกิจไปยังตลาดในภูมิภาคผ่านตัวแทนจำหน่าย ศึกษาตลาดใหม่เพิ่มเติม ตลอดจนพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่เพิ่มโอกาสในการขาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตามเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท ในปี 2560 สำหรับขยายสาขาประมาณ 20-25 จุดขาย พัฒนาช่องทางออนไลน์ และระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management หรือ CRM) ทั้งนี้บริษัทคาดว่าระยะเวลาการขายสินค้าสำเร็จรูปโดยรวม ณ สิ้นปี 2560 จะลดลงมาอยู่ในระดับ 315 วัน

สำหรับธุรกิจนาฬิกาซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งแม็คกรุ๊ป ถือหุ้นในสัดส่วน 51% นั้น ได้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ และปรับแผนธุรกิจใหม่ในไตรมาส 4/2559 โดยเริ่มปรับสินค้า ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น มีรายการส่งเสริมการขายที่น่าสนใจและคุ้มค่ามากขึ้น ตลอดจนเพิ่ม ช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น การขายผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัท และการขายให้ลูกค้าองค์กร และการขายผ่าน ทีวี ชอปปิง เป็นต้น โดยมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจนาฬิกา จะมีทิศทางที่ดีขึ้นในปี 60

บริษัทวางวิสัยทัศน์เป็นองค์กรธุรกิจชั้นนำของเอเชีย ในด้านเครื่องแต่งกายและสินค้าไลฟ์สไตล์ ด้วยการบริหารแบรนด์ที่หลากหลาย บริษัทได้จัดทำแผนกลยุทธ์ GREAT Strategy ที่มีเป้าหมายทางธุรกิจ การเงิน และการเติบโตของรายได้จากการขายที่อัตราเฉลี่ย 15% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2557-2561

ตามแผน GR (Growth) สร้างการเติบโตของรายได้จากการขาย จากสินค้าหลักและพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมที่เป็นที่ยอมรับผ่านจุดขายทั้งประเภทออฟไลน์ และออนไลน์ ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า รักษาความเป็นแบรนด์ยีนส์ชั้นนำของประเทศ

E (Efficiency) บริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างเหมาะสม บริหารต้นทุนการดำเนินงานและพื้นที่จุดขายให้ มีประสิทธิภาพ เพิ่มมากขึ้น ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ ตลอดจนผสมผสานข้อมูลและการดำเนินงาน ของช่องทางต่าง ๆ เข้าด้วยกันทั้งหมดเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็น Omni channel

A (Asia Brand) พัฒนาโปรแกรมสำหรับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ (Dealership program) ในกลุ่มประเทศเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม (CLMV) ให้แข็งแกร่งขึ้น

T (Talented Team) มุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ให้มีศักยภาพ มีความเข้าใจและสามารถตอบสนองการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจในแต่ละช่วงเวลาได้ อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืน

สำหรับปี 2559 ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทายของธุรกิจค้าปลีก เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยด้วยความระมัดระวัง บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการเติบโตของรายได้จากการขายและผลกำไร โดยเน้นอัตราการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิม (Same-Store-Sales Growth) ที่บริษัทสามารถทำได้สูงถึง 11.1% จากการจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่มีความหลากหลายขึ้น

นอกจากนี้ยังเน้นการบริหารช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และบริหารจัดการ Supply Chain ให้เหมาะสม โดยบริษัทสามารถทำสถิติยอดขายใหม่ที่ 4,442 ล้านบาท เติบโต 14% จากปี 2558 ใกล้เคียงกับประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายของบริษัทที่ตั้งไว้ที่ 15% ทำให้ภาพรวมธุรกิจทั้งปี 2559 มีตัวเลขอยู่ในระดับที่น่าพอใจ