'ทรู' ขึ้นเบอร์ 2 โอเปอเรเตอร์มือถือไทย

'ทรู' ขึ้นเบอร์ 2 โอเปอเรเตอร์มือถือไทย

รายได้รวมปี 59 จบที่ 8.81 หมื่นล้านบาท โต 17.7% ลูกค้าแตะ 24.53 ล้านราย ขึ้นเบอร์ 2 แซงหน้าดีแทค ที่เมื่อสิ้นปี 59 มีลูกค้า 24.48 ล้านราย

วานนี้ (28 ก.พ.) กลุ่มทรู แจ้งตลาดหลักทรัพย์ รายงานผลประกอบการปี 2559 รายได้รวม 8.81 หมื่นล้านบาท เติบโต 17.7% โดยมาจากลูกค้าทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้น 5.4 ล้านราย รวมสิ้นปีลูกค้า 24.53 ล้านราย ขณะเดียวกันจากรายจ่ายในการลงทุนขยายโครงข่าย ค่าใบอนุญาต และค่าลิขสิทธิ์คอนเทนท์ ส่งผลให้กลุ่มทรูรายงานผลขาดทุน 2.8 พันล้านบาท

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปี 2559 นับเป็นอีกก้าวสำคัญและเป็นปีที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยและกลุ่มทรูเติบโตได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค 4จีและดิจิทัล (Digitalization) อย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ ผลักดันให้รายได้จากการให้บริการของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้งอุตสาหกรรมเติบโตถึง 5.4% ในปี 2559 ซึ่งนำโดยการเติบโตของทรูมูฟ เอช ที่มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นสูงถึง 28% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ อัตราการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ของอุตสาหกรรมอยู่เพียง 3.8% ต่อปี 

ในขณะเดียวกัน ธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตของกลุ่มทรู ยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำ และมีผลประกอบการที่เติบโตเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพสูงจากทั้งต่างประเทศและในประเทศที่ครบครันของทรูวิชั่นส์ ช่วยส่งเสริมกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรูได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลักดันการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างความผูกพันของลูกค้าต่อสินค้าและบริการในกลุ่มทรูได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กลุ่มทรู มีรายได้จากการให้บริการโดยรวมเพิ่มขึ้น 17.7% คิดเป็น 8.81 หมื่นล้านบาท ในปี 2559 ส่งผลให้ EBITDA ของกลุ่มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 33.3% จากปีก่อนหน้า เป็น 2.51 หมื่นล้านบาท ไม่รวมกำไรจากการโอนเสาโทรคมนาคมใหม่เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ในปี 2558

ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องต่อการเร่งขยายโครงข่าย และการให้บริการให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อขยายฐานลูกค้า 4จี และไฟเบอร์บรอดแบนด์ทั่วประเทศ รวมถึงการรับรู้ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ และค่าใช้จ่ายด้านคอนเทนท์ ส่งผลให้กลุ่มทรู รายงานผลขาดทุน จำนวน 2.8 พันล้านบาท ในปี 2559

ตลอดทั้งปี 2559 ที่ผ่านมา กลุ่มทรูเดินหน้าสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง โดยโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรูมูฟ เอช ทั้ง 4.5จี/4จี 3จี และ 2จี ครอบคลุมแล้วกว่า 98% ของประชากรไทย อีกทั้งยังเร่งขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ ให้ครอบคลุม 10 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ

ทั้งนี้ จุดแข็งของทรูมูฟ เอช มาจากแคมเปญดีไวซ์ร่วมกับค่าบริการที่หลากหลาย และช่องทางในการขายที่มีอยู่ทั่วประเทศของกลุ่มทรู และพันธมิตร ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตอย่างสูงของรายได้ และฐานลูกค้าทั้งในระบบเติมเงิน และรายเดือน

ส่งผลให้ช่วงสิ้นปี 2559 ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 5.4 ล้านราย ในปี 2559 คิดเป็นสัดส่วน 75% ของจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิในอุตสาหกรรม ซึ่งขยายฐานลูกค้าทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้นเป็น 24.53 ล้านราย ส่งผลให้ทรูมูฟ เอช ก้าวเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของประเทศในปัจจุบัน ขณะที่ดีแทค มีลูกค้าในช่วงสิ้นปี 2559 ที่ 24.48 ล้านราย

สำหรับรายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอช ในไตรมาส 4 ปี 2559 เติบโต 4.7% จากไตรมาส
ก่อนหน้า และ 27.1% จากไตรมาส 4 ปี 2558 ผลักดันส่วนแบ่งตลาดรายได้ของทรูมูฟ เอช ให้เพิ่มขึ้นเป็น 24.8% เมื่อเทียบกับ 20.9% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยทั้งปี 2559 ทรูมูฟ เอช มีรายได้จากการให้บริการที่เติบโต 28.4% ในขณะที่รายได้จากการให้บริการของผู้ประกอบการใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรมมีจำนวนรวมกันลดลง 0.2% จากปีก่อนหน้า

ขณะที่ ทรูออนไลน์ มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และสนับสนุนให้ประชากรไทยสามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เพิ่มขึ้น ผ่านการขยายโครงข่ายไฟเบอร์เข้าถึงครัวเรือนทั่วประเทศ ตอกย้ำจุดยืนของกลุ่มทรูที่เป็นผู้นำทั้ง 4จี และบรอดแบนด์ 

นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ ยังเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต เริ่มต้นตั้งแต่ 30 Mbps ถึง 1 Gbps รวมถึงการนำเสนอแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ที่คุ้มค่า พัฒนาการเหล่านี้ ผลักดันให้รายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเติบโต 13.6% จากปีก่อนหน้า และมีลูกค้ารายใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 381,000 ราย ในปี 2559 ส่งผลให้ฐานลูกค้าบรอดแบนด์ของกลุ่มเติบโตเป็น 2.8 ล้านราย

สำหรับปี 2560 นายศุภชัย กล่าวว่า กลุ่มทรูจะยังคงรักษาการเติบโตอย่างเข้มแข็ง พร้อมเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากปีก่อนหน้า และเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์แบบครบครันอย่างแท้จริง โดยมุ่งเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่ายและการให้บริการให้ดีมากยิ่งขึ้น การนำเสนอแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ที่คุ้มค่าและแตกต่าง การพัฒนาโซลูชั่นในรูปแบบดิจิทัลและนวัตกรรมที่ทันสมัย การต่อยอดความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญในด้าน IoT (Internet of Things)

พร้อมวิเคราะห์และปรับตัวเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีได้อย่างต่อเนื่อง พัฒนาการเหล่านี้ เมื่อรวมกับความมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กรทุกด้าน จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับกลุ่มทรู ในขณะเดียวกัน ยังช่วยวางรากฐานให้กับกลุ่มทรูในการก้าวเป็นแนวหน้าในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Thailand 4.0