DSIพร้อมผู้ว่าฯ ร่วมแถลงคืบหน้าค้นวัดพระธรรมกาย

DSIพร้อมผู้ว่าฯ ร่วมแถลงคืบหน้าค้นวัดพระธรรมกาย

DSIพร้อมผู้ว่าฯ ร่วมแถลงคืบหน้าค้นวัดพระธรรมกาย ย้ำละเมิด ม.44มีความผิดย้อนหลัง

นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ ร่วมแถลงคืบหน้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ที่ตำรวจตะเวนชายแดน ภาค1ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 กล่าวว่า ในการตรวจค้นวัดพระธรรมกายนั้นยังอยู่ในกรอบของกฎหมายซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้มีการปะทะจนเกิดความรุนแรง โดยที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่มีการเจรจากับทางวัดพระธรรมกายและศิษย์ของวัดธรรมกายมาโดยตลอดเพื่อให้ออกจากพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจค้นยังโซนaและโซนbแต่เนื่องจากทางพระและศิษย์วัดพระธรรมกายไม่เข้าใจซึ่งขณะนี้เจ้าที่ ตำรวจdsiและทหาร ได้เจรจาทำความเข้าใจกับทางพระและศิษย์วัดพระธรรมกาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการให้เกิดการกระทบกระทั่ง จนบาดเจ็บ โดยมาตรการของเจ้าหน้าที่มีจากเบาไปหาหนักแต่ละขั้นตอนของรายละเอียดนั้นยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ขณะนี้เราก็ยังไม่ให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าพื้นที่ภายในวัดอย่างจริงจัง พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ความรุนแรง เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจโดยใช้ระยะเวลาตามกฎหมาย

ถ้าหากทางวัดพระธรรมกาย ให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจค้นอย่างสดaและโซนbเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจค้นอย่างครบถ้วนและตามจุดที่ต้องการแล้ว เมื่อไม่พบบุคคลตามหมายจับ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะถอนกำลังออกไปทันที แล้วจะนำเสนอ คสช. เพื่อยกยกเลิกมาตรา44ฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงพี่น้องประชาชนทุกท่าน อย่าเข้ามายังพื้นที่ควบคุมพิเศษ มาตรา44วัดพระธรรมกายและบริเวณวัดพระธรรมกาย ถึงแม้คดีจะเสร็จสิ้นแล้ว ท่านก็ยังมีคดีอยู่ พี่น้องประชาชนต้องเข้าใจในเรื่องของกฎหมายด้วย

ส่วน นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ในส่วนที่ตนเองเป็นหัวหน้าพนักงานฝ่ายปกครองในพื้นที่ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องสนับสนุนการปฏิบัติการของกรมสอบสวนคดีพิเศษdsiทั้งนี้ผู้นำชุมชนต้องมีหน้าที่ทำความเข้าใจกับลูกบ้านหรือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการทำความเข้าใจกับคนจะต้องใช้เวลา ความอดทนเท่านั้นจะทำให้เราทำงานได้สำเร็จอย่างสันติและโดยละมุนละม่อม ต้องเน้นและชี้แจงให้ประชาชนที่เข้ามาในพื้นที่ควบคุมพิเศษมาตรา44ซึ่งการถือว่าเข้ามาในพื้นที่เป็นการทำผิดกฎหมาย แม้ว่าเรื่องราวจะจบไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะได้รับความผิดตามมาทีหลัง ก็ขอให้ประชาชนอย่าได้เข้ามาในพื้นที่ควบคุมพิเศษมาตรา44อีกเลย ซึ่งไม่ได้หมายถึงภายในวัดอย่างเดียวแต่ยังหมายถึงพื้นที่บริเวณโดยรอบวัด

ด้าน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ กล่าวว่า ทางคณะศิษย์วัดธรรมกายเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา44ทั้งนี้ขอชี้แจงว่า ก่อนที่จะมีมาตรา44มีกฎหมายธรรมดาก็ถูกทางวัดพระธรรมกายและศิษย์วัดพระธรรมกายต่อต้าน ในการตรวจค้นวัดโดยการนำสิ่งกีดขวางมาติดตั้ง และดำเนินการทุกวิถีทางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นตามกฎหมาย ในวันนี้มีมาตรา44ทางพระและศิษย์วัดพระธรรมกายก็ยังบอกว่าไม่ถูกต้องอีก จึงอยากเรียนไปยังประชาชนทุกท่านให้เข้าใจว่า กฎหมายมาตรา44ที่ออกมา ควบคุมพื้นที่พิเศษ ของวัดพระธรรมกายและบริเวณวัดพระธรรมกายนั้น หวังว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่จะสามารถปฏิบัติการและดำเนินการได้มากกว่าการดำเนินการแบบปกติ เนื่องจากพื้นที่ของวัดพระธรรมกายนั้น มีขนาดที่กว้างขวาง ในการดำเนินการภายในหนึ่งวันนั้นเป็นไปได้ยาก การจับบุคคลในหมายจับในพื้นที่กว้างจึงต้องใช้เวลามากและใช้คนเยอะ จึงต้องมีขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบขึ้นมารองรับมากกว่ามาตรการปกติซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการอย่างละมุนละม่อมไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งประชาชนควรรับฟังอย่างมีเหตุมีผล และไม่เข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้นหลังจากจบเรื่องราวแล้ว ตามคำสั่งนี้ให้ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.