Daily Market Outlook (23 ก.พ.60)

Daily Market Outlook (23 ก.พ.60)

ปัจจัยบวกและลบ

คาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจากดัชนีหุ้นสหรัฐ 3 ตัว ปิดทั้งบวกและลบสลับ สะท้อนความไม่แน่ใจของนักลงทุนเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในเดือน มี.ค. ในขณะที่รอความเป็นรูปธรรมของนโยบายเศรษฐกิจของ Trump รายงานการประชุม Fed ล่าสุดตีความได้ทั้งสองแนวคือขึ้นดอกเบี้ยทันทีและค่อยๆ ปรับขึ้นต่อเนื่อง ตลาดกลับมามองว่าโอกาสชนะของ Le Pen ผู้มีนโยบายนำฝรั่งเศสออกจากสหภาพยุโรป ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสลดลงหลังจากพรรคคู่แข่งหันมาจับมือสนับสนุนผู้สมัครคนเดียว ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ก็มีทั้งบวกและลบ 2 ใน 3 ตัวเลขของยานยนต์ออกมาดีคือยอดการผลิตและยอดขายในประเทศแต่ยอดส่งออกหดตัว ความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรมลดลงในเดือน ม.ค. หลังบวกติดต่อกัน 4 เดือน

หุ้นเด่นวันนี้: MTLS (ราคาปิด 30.25 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 35.00 บาท)

บมจ. เมืองไทย ลิสซิ่ง มีแนวโน้มกำไรเติบโตก้าวกระโดดในช่วงปี 2560-61 จากการขยายสินเชื่ออย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในแนวโน้มที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังปรับตัวดีขึ้น ในปีที่แล้วทั้งๆที่สภาพแวดล้อมในระบบธนาคารไม่เอื้ออำนวยทำให้อัตราการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับต่ำ แต่ MTLS กลับสามารถขยายสินเชื่อด้วยอัตราเจริญเติบโตสูงถึง 86% โดยที่มี NPLs คิดเป็นแค่เพียง 1.1% ของสินเชื่อ ปัจจัยแห่งความสำเร็จคือการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว จำนวนสาขาของบริษัทเกือบจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 59 เป็น 1,664 สาขาจาก 940 สาขาในปี 58 ปีนี้บริษัทมีเป้าจะขยายสาขาไปเป็น 2,200 สาขา เราคาดว่า MTLS จะมุ่งเน้นเพิ่มสาขาในจังหวัดภาคใต้มากขึ้น ซึ่งในไตรมาส 3/59 จำนวนสาขาในภาคใต้มีเพียง 95 สาขาเท่านั้น เทียบกับภาคอีสานซึ่งบริษัทมี 443 สาขา ในปี 54 รายได้ประชาชาติต่อหัวของภาคใต้อยู่ที่เกือบ 70,000 บาท ในขณะที่ของภาคอีสานอยู่ที่ไม่ถึง 35,000 บาท แม้คุณภาพสินทรัพย์ของ MTLS อยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้ว แต่บริษัทก็ยังคงจะต้องตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับสูงต่อเนื่องไปอีกเพื่อเตรียมรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 9 เราคาดว่าสินเชื่อของบริษัทจะขยายตัวในระดับสูงมากคือ 70% ในปีนี้ และกำไรจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดปีละ 42% ในปี 60 และ 61 ราคาเป้าหมายของเราที่ 35 บาทคิดเป็นอัตราส่วน PBV ที่ 8.7 เท่าโดยมี ROE เท่ากับ 22.5% ซึ่งจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก 16% จากราคาปิดล่าสุด Price Pattern ของ MTLS ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมาก จากการที่มีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ซึ่ง Price Pattern ของ MTLS ในปัจจุบันนอกจากได้เกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal แล้ว ยังมี Price Pattern ที่บ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High อีกด้วย โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High รอบนี้อยู่ที่ 36.50 บาท ทั้งนี้ MTLS มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 28 บาท (Resistance: 30.75, 31.25, 32.25; Support: 30.00, 29.50, 28.50)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ส่งออกรถยนต์ร่วงแรง ขณะที่ยอดขายในประเทศแข็งแกร่งใน ม.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานตัวเลขการผลิตรถยนต์ ม.ค. ปีนี้เพิ่มขึ้น 3.1% จากปีที่แล้วสู่ 152,261 คันเพราะมีรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 10.5% สู่ 57,254 คัน อย่างไรก็ดี ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปร่วง 14.5% สู่ 80,097 คัน ต่ำสุดในรอบ 19 เดือน มูลค่าส่งออกลดลง 18.1% สู่ 4.14 หมื่น ลบ. เพราะทุกตลาดชะลอตัวยกเว้นอเมริกาเหนือและออสเตรเลีย (FTI)ความเห็น: ตัวเลขสองตัวจากสามตัวที่เติบโตเป็นบวก โดยเฉพาะการผลิตซึ่งเป็นดัชนีชี้นำตลาดยานยนต์ ตอกย้ำมุมมองของเราว่าอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังฟื้นตัว ด้วยอุปสงค์ภายในประเทศเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก แต่เราก็ยังต้องจับตาสถานการณ์ตลาดโลกอย่างใกล้ชิดเพราะเป็นปัจจัยฉุดอันเดียว หุ้นเด่นของเราคือ SAT (16 บาท,ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท)

• ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมหดตัวในเดือนม.ค. หลังจากสูงขึ้นติดต่อกัน 4 เดือนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในเดือน ม.ค.60 อยู่ที่ระดับ 87.2 ปรับตัวลดลงจากระดับ 88.5 ในเดือน ธ.ค.59 โดยเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากความกังวลที่มีต่อนโยบายการค้าระหว่างประเทศของนาย Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งความกังวลของผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นบวก โดยสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 100.4 จากระดับ 100.0 ในเดือน ธ.ค.59 (Bangkok Post)ความเห็น: เรายังคงมุมมองเป็นบวกและคาดหวังจะเห็นการฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนจากการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก

• นโยบายจูงใจทางภาษีให้กับนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติกระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม. ในนโยบายจูงใจทางด้านภาษีที่จะลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อดึงดูดบุคลากรจากต่างชาติเข้ามาทำงานและสร้างงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) อาทิ ผู้บริหารระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจัย (Bangkok Post/The Nation)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะยาวปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันพุธหลังจากนางมารี เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งซึ่งมีนโยบายต่อต้านอียูถูกมองว่ามีโอกาสชนะการเลือกตั้งลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2.429% แต่เป็นอัตราผลตอบแทนที่ฟื้นตัวมากที่สุด โดยก่อนหน้านี้ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.391% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. (Reuters)

• เงินยูโรฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวันพุธ หลังจากนางมารี เลอเปนมีโอกาสชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสลดลง เงินยูโรปิดแข็งค่า 0.2% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0554 ดอลลาร์สหรัฐ ฟื้นตัวจากการอ่อนค่าลง 0.4% ซึ่งผลักให้เงินยูโรอยู่ต่ำกว่า 1.05 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์สู่ระดับ 1.0494 ดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายช่วงเช้า (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดแบบผสมเมื่อวันพุธ หลังจากรายงานการประชุมเฟดฉบับล่าสุดชี้ว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ได้กดดัชนี S&P500 และ Nasdaq อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัท ดูปองท์หนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 9 วัน โดยที่ดูปองท์มีโอกาสได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านกฎระเบียบของสหภาพยุโรปให้ควบรวมกิจการกับบริษัทดาว เคมิคอล (Reuters)

• อีกความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นายเจอโรม พาวเวลล์ หนึ่งในคณะกรรมการเฟดกล่าวเมื่อวันพุธว่าเป็นการเหมาะสมสำหรับธนาคารกลางสหรัฐที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย “บางทีอาจจะเร็ว ๆ นี้” (Reuters)

ยุโรป:

• นาย Bayrouจากพรรคกลางถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครเลือกตั้งปธน. ฝรั่งเศส เพื่อมาสนับสนุนนาย Macron ในการต่อสู้กับนาง Le Pen ในศึกเลือกตั้งปธน. ซึ่งจะทำให้ Macron มีโอกาสสูงขึ้นที่จะชนะการเลือกตั้งและลดความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การออกจาก EU ของฝรั่งเศส (Reuters)

เอเชีย:

• ผู้ว่า BOJ นายHaruhiko Kuroda กล่าวในวันพุธว่า มีโอกาสที่ธนาคารกลางจะกดอัตราดอกเบี้ยที่ติดลบอยู่ในระดับต่ำให้ลึกลงอีกสำหรับตอนนี้หนุนด้วยการคาดการณ์ตลาดว่าจะไม่มีการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมออกมาอีกในอนาคตอันใกล้ Kuroda กล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังเร่งตัวขึ้น และการรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้เป้าหมายที่2% ในระหว่างปีงบประมาณถึงสิ้น มี.ค.62 สอดคล้องกับการคาดการณ์รายไตรมาสล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน(Reuters)

• เฉลี่ยราคาบ้านใหม่ใน 70 เมืองใหญ่ของจีนเพิ่มขึ้น 0.2% MoMในเดือนมกราคมชะลอตัวจากเดือนธันวาคมในขณะที่รัฐบาลยังคงลดความร้อนออกจากตลาด ราคาบ้านใหม่เติบโตขึ้นช้าลงในช่วงสี่เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนกันยายน คือเพิ่มขึ้น 0.3% MoMในเดือนธันวาคม ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 12.2% YoYในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีนคือเซินเจิ้น, เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งราคาเพิ่มขึ้น 18.2%, 23.8% และ 24.7% ตามลำดับจากปีก่อนหน้า แต่เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นโตช้าลงในยอดรายเดือน เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นใช้มาตรการคุมเข้มความต้องการ(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบในสหรัฐร่วงกว่า 1% วันพุธ เพราะคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีกครั้ง ราคาถอยลงจากจุดสูงสุดรอบหลายสัปดาห์ในช่วงวันก่อน หลังจาก OPEC ส่งสัญญาณบวกว่าจะตกลงกับผู้ผลิตน้ำมันอื่นเพื่อคุมการผลิต น้ำมันดิบ Brent ลบ 82 เซนต์หรือ -1.5% ปิด 55.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากแตะจุดสูงสุดตั้งแต่ 2 ก.พ. ที่ 57.31 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงวันก่อน น้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบ เม.ย. ซึ่งขึ้นมาเป็นสัญญาเดือนใกล้ใหม่ลบ 74 เซนต์ (-1.4%) ปิด 53.59 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• การซื้อขายหลังปิดตลาดวันพุธน้ำมันดิบเป็นลบลดลงมาก หลังจากตัวเลขของสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) พบว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสำหรับสัปดาห์ร่วงผิดคาดหรือลดลง 884,000 บาร์เรล เทียบกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่ม 3.5 ล้านบาร์เรล ก่อนหน้าสัปดาห์ที่แล้ว น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่หกติดต่อกัน (Reuters)

• ราคาทองคำคงที่วันพุธ เพราะนักลงทุนหวาดหวั่นสัญญาณว่าสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ใน มี.ค.นี้ และความกังวลต่อนโยบายภาษีของ Donald Trump ราคาทองคำตลาดจรปิดบวก 0.1% ที่ 1,236.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำล่วงหน้าลบ 0.1% ปิดที่ 1,238 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)