‘นอนแบงก์’ ธุรกิจสดใสกำไรปี59พุ่ง-แห่ปันผล

‘นอนแบงก์’ ธุรกิจสดใสกำไรปี59พุ่ง-แห่ปันผล

ผลงานปีที่ผ่านมาดีกว่าเป้าหมาย เพราะสินเชื่อขยายตัวต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจซบเซา ลูกค้าเก่าก็ส่งทีมติดตามความเป็นอยู่ลูกค้ามีปัญหาหรือไม่

แม้ว่าผลดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างชะลอตัว แต่สำหรับธุรกิจของบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ “นอนแบงก์” แล้ว นับว่ายัง “สดใส” หลายบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่ม พร้อมทั้งยังประกาศจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น อีกทั้งแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

“ดวงใจ แก้วบุตตา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์พาวเวอร์ 1979จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2559 มีกำไรสุทธิ 2,008.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.5% เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิ1,336.06 ขณะที่รายได้รวมมีจำนวน 5,335.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.26% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม3,776.74ล้านบาท

สำหรับงวดไตรมาส4 ปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 397ล้านบาท

ดวงใจ บอกว่า ผลการดำเนินของบริษัทในปีที่ผ่านมา ขยายตัวมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30% โดยรายได้หลักยังมาจากการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 2,400 สาขา จากปัจจุบันที่มีจำนวนประมาณ 2,100สาขา

“ผลงานปีที่ผ่านมาดีกว่าเป้าหมาย เพราะสินเชื่อมีการขยายตัวต่อเนื่อง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะซบเซา ลูกค้าเก่าเราก็ส่งทีมงานติดตามความเป็นอยู่ของลูกค้าว่ามีปัญหาหรือไม่โดยจะเข้าไปช่วยเหลือเติมสภาพคล่องให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์”นางสาวดวงใจกล่าว

“ธิดา แก้วบุตตา” กรรมการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้นำเสนอข้อมูลการลงทุน(โรดโชว์) กับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หลังจากที่บริษัทเข้าไปซื้อกิจการบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร จำกัด(มหาชน)หรือ BFIT โดยตั้งแต่ต้นปีได้เดินทางไปพบกองทุนที่สิงคโปร์ และฮ่องกงกับ บล.แมคควอรี แล้วกว่า 40 กองทุน ซึ่งมีทั้งกองทุนที่ถือหุ้นอยู่แล้วและที่ยังไม่ได้ถือหุ้น

“กองทุนส่วนใหญ่ต่าง เชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของ SAWAD และมองว่าการที่บริษัทเข้าไปซื้อ BFIT จะช่วยต่อยอดการทำธุรกิจของSAWAD ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งมีเสถียรภาพทางด้านเงินทุน ขณะที่ธุรกิจหลักการปล่อยสินเชื่อของบริษัทก็ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”นางสาวธิดากล่าว

ในเดือนหน้าบริษัทมีแผนโรดโชว์ที่ประะทศสหรัฐอเมริการ่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ซีไอเอ็มบี เพื่อพบกับนักลงทุนสถาบันประมาณ 20 แห่ง

“ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS บอกว่า ผลการดำเนินงานในปี 2559 มีรายได้รวม 4,471.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,913.05 ล้านบาท หรือเพิ่่มขึ้น 74.76% เมื่อเทียบกับปี 2558 คณะกรรมการบริษัท จึงมีมติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น กำหนดวันจ่ายในวันที่ 15 พ.ค.2560

“สาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ได้รับอานิสงส์ยอดปล่อยสินเชื่อที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ตามแผนงานการขยายสาขาปูพรมทั่วไทยของบริษัทฯ ทำให้จำนวนลูกค้าที่มาขอรับสินเชื่อเพิ่มขึ้น”

ในปี 2559 บริษัทมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 37,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของเมืองไทยลิสซิ่ง มียอดปล่อยสินเชื่อกว่า 710.67 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์) อันดับหนึ่ง เช่นเดียวกับสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซต์ ภายใต้จุดแข็งของบริษัทฯที่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อรวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ส่วนแผนการดำเนินงานปี 2560 บริษัทตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการขยายสาขาอีก 600 สาขา เป็น 2,200 สาขา จากสิ้นธ.ค.2559 มีสาขา 1,600 สาขา

ด้าน “ตัน เล เยน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IFS บอกว่า บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรับซื้อลูกหนี้การค้า(แฟคตอริ่ง) สินเชื่อลิสซิ่ง และสินเชื่อเช่าซื้อ เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ขยายตัวมากขึ้น

“แนวโน้มธุรกิจในปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะต้องยอมรับว่าลูกค้าเอสเอ็มอีมีข้อจำกัด ในการเข้าถึงสินเชื่อจากระบบสถาบันการเงิน ทำให้เอสเอ็มอีเข้ามาขอรับสินเชื่อจากเรามากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยช่วงที่ผ่านมา ระบบการบริหารจัดการเรามีประสิทธิภาพทำให้สัดส่วนเอ็นพีแอลอยู่ในระดับต่ำไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อรวม

สำหรับผลดำเนินในปี 2559 มีกำไร 136.83 ล้านบาท หรือ 0.29 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น15.84% คณะกรรมการบริษัท จึงมีมติจ่ายปันผลจากกำไรสะสม เป็นหุ้นปันผลและเงินสด โดยเป็นอัตราการจ่ายหุ้นปันผล (หุ้นเดิม :หุ้นปันผล) 20 : 1 อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.05 บาทต่อหุ้น วันที่จ่ายปันผล 18 พ.ค. 2560

นอกจากนี้ ยังมีมติเพิ่มทุนแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุนเพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล จำนวนหุ้นที่จัดสรร 23,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1.00 บาทต่อหุ้น