MORNING CALL ACTION NOTES (17 ก.พ.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (17 ก.พ.60)

ผันผวนในกรอบ

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้รีบาวด์ขึ้นตามข่าวปธน.ทรัมป์เตรียมปรับลดภาษีและลดกฎระเบียบทั่วภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับแรงซื้อหุ้น AOT หลังบอร์ดบอร์ดชี้แจงข่าวการเก็บค่าเช่าที่ดินธนารักษ์ ส่งผลให้ SET ปิดบวกที่ 1,576.05 จุด (+2.68 จุด) Vol. 4.9 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +1,432 ลบ. , TFEX Net +6,378 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งโดยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกเดือนก.พ.พุ่งขึ้นสู่ 43.3 สูงสุดในรอบ 33 ปี และจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยปรับตัวขึ้นเพียง 5,000 ราย สู่ 239,000 ราย

+ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นล่าสุด 53.7 US/Barrel หลังกลุ่มโอเปกปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนม.ค.ลง 890,000 บาร์เรล/วัน

+ ก.คมนาคมเตรียมเสนอสายสีม่วงใต้วงเงิน 1.3 แสนล้านบาท เข้า ครม.ภายในเดือน พ.ค. พร้อมเร่งจัดทำแผนแม่บทรถไฟฟ้าระยะที่ 2 คาดเสร็จใน 1 ปี เผยลงนามเอ็มโอยูเชื่อม 1 สถานีเตาปูน-บางซื่อแล้ว

+ ปลัดพลังงาน เผยส.อ.ท.-สภาหอการค้าฯ เห็นพ้องตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้รองรับศก.-ท่องเที่ยวโต

+ กสท.ชี้ปี 2560 ทีวีดิจิตอลสัญญาณบวก ม.44 ขยายงวดไลเซนส์-เยียวยามัสต์แครี่ ส่งผลเม็ดเงินหมุนในระบบกว่า 1.26 หมื่นล้านบาท มั่นใจเงินโฆษณาเติบโต 40%

+/- Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy ราว 1.4 พันลบ. และแนวโน้มค่าเงินบาทยังแข็งค่าล่าสุด 35 BATH/USD.

** ติดตามการประกาศงบปี 2559 ของกลุ่มพลังงาน โดยคาดวันประกาศงบ 17 ก.พ. BCP / 23 ก.พ. BANPU

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากการประกาศงบและเงินปันผลปี 2559 ของกลุ่มพลังงานที่เติบโตขึ้นมากรวมถึงราคาน้ำมันยังคงทรงตัวระดับสูง อย่างไรก็ตามความผันผวนของ Fund Flow ตามนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังคงกดดัน ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,570 – 1,585 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- AOT บอร์ดชี้แจงการเก็บค่าเช่าที่ดินด้วยการประเมินสินทรัพย์ เป็นเพียงความเห็นของที่ปรึกษา ยันหารือกับธนารักษ์แล้วใช้รูปแบบเดิม

- EA DEMCO ประเด็นข่าวเลขาฯส.ป.ก.ชี้พบข้อมูลเบื้องต้น 15 บริษัทดำเนินการต่างจาก "เทพสถิตฯ" เหตุสร้างประโยชน์ให้แก่เกษตรกร

- กลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2559 เติบโต BANPU WICE SYNEX ANAN ORI FSMART BCH BEAUTY

หุ้นแนะนำพิเศษ

EPG   ราคาปิด 13.20 บาท   Bloomberg Consensus 16.73 บาท

- รายงานกำไร Q3/17 (Q4/16 ของบริษัททั่วไป) ที่ 332 ลบ. (-16% QoQ , -6% YoY ) เนื่องจากรายได้ -4.6% QoQ อยู่ที่ 2.3 พันลบ. โดย AFC -1.8%YoY , EPP -2.6%YoY แม้ว่า ARK จะ+7% YoY จากการรับรู้รายได้ TJM เข้ามา อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายพิเศษในการ Reorganize TJM ทั้งในส่วนของพนักงานและวางระบบ IT อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถรักษา Gross Margin ไว้ที่ราว 32% และ Net Profit ที่ 14.4%

- Consensus คาดกำไรปี 2017 ที่ราว 1.7 พันลบ.(+22% YoY) โดยบริษัทยืนยันเป้ารายได้เติบโต 15 - 20% เป็น 1 หมื่นลบ.(9M17 ทำได้แล้ว 7.1 พันลบ.) เนื่องจากคาดว่ายอดขายบรรจุภัณฑ์ของ EPP จะเติบโตขึ้นจากการเจาะตลาดใหม่ Mass product (เดิมเป็น High Product) ประกอบกับคาดว่ายอดขายฉนวนของ AFC จะขยายตัวตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยบริษัทยังคงตั้งเป้า Gross Margin ระดับ28 - 32% Net Margin ไว้ที่ราว 15% เช่นเดิม

- ได้ประโยชน์จากการปรับลดภาษีธุรกิจตามนโยบายของปธน.ทรัปม์(โดยปัจจุบันจ่ายภาษีราว 1 ล้าน USD. ที่ Tax Rate 36.5% )


หุ้นมีข่าว

- PSH (ราคาปิด 23 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 28บาท ) รายงานกำไรปี 59 เท่ากับ 5,940 ล้านบาท ลดลง 23%YoY และต่ำกว่าคาด 10% ประกาศงดจ่ายเงินปันผลในช่วง 2H59 (1H59 จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.60 บาท) และจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล โดยได้จัดประชุมนักวิเคราะห์ในเช้านี้

- LPN (ราคาปิด 12.40 บาท ขาย ราคาเหมาะสม 9.50 บาท) ปรับโครงสร้างบริษัทย่อย "ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส" เปิดทางพันธมิตรเข้ามาถือหุ้น เพื่อเป็นคู่ค้าที่ยั่งยืน คาดสรุปได้ไตรมาส 1/60 ล่าสุดโชว์ยอดขาย 3,500 ล้านบาท เล็งเปิด 12 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้าน (ที่มาข่าวหุ้น)

   ความเห็น : LPN ปรับโครงสร้างธุรกิจโดยดึงบริษัทลูกที่ทำธุรกิจบริหารงานก่อสร้างและบริหารโครงการคอนโดมิเนียมมารับงานนอกบริษัทด้วย เพื่อช่วยเพิ่มรายได้รวมของบริษัทไม่ให้ลดลงมากนักเนื่องจากผู้บริหารคาดรายได้จากการโอนโครงการในปีนี้จะลดลงจากปีที่แล้วราว 20% ทั้งนี้การดำเนินงานในปีนี้เป็นไปในลักษณะประคองตัวไม่เพิ่มโครงการใหม่มากนักและเร่งระบายสต๊อกเพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินของบริษัท ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปีนี้ราว 1.13 หมื่นล้านบาทลดลง 25% และคาดการณ์กำไรราว 1,351 ล้านบาทซึ่งหดตัว 43%

- PTT (ราคาปิด 394 ราคาเหมาะสม 389) รายงานกำไรปี 59 ที่ 94,040 ล้านบาทเติบโต 365%YoY ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ แม้ว่าผลประกอบการจากธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีจะดีกว่าที่คาดจากแรงหนุนของกำไรสต๊อกน้ำมันดิบ แต่กลับมีค่าใช้จ่ายด้อยค่าของ PTTEP PTTGC และ PTTER เข้ามากดดัน

- BEM คาดรายได้ส่วนธุรกิจรถไฟฟ้าปี 60 โต 20% จากผู้โดยสารเพิ่ม 5%-รับค่าจ้างสายสีม่วงเต็มปี, กำไรโตชัดเจน

- TOP (ราคาปิด 76.50 ราคาเหมาะสม 77) และ PDI แจ้งขายหุ้นแม่สอดพลังงานสะอาดในสัดส่วน 30% และ 35% ให้ MPE ตามลำดับ

- GPSC (ราคาปิด 36 ราคาเหมาะสม 39) คาดกำไร Q1/60 หดรับผลกระทบโรงไฟฟ้า IRPC-CP หยุดซ่อมบำรุง ขยับเป้ากำลังผลิต 2,800 MW เป็นปี 65 จากเดิม 62 หลังธุรกิจไฟฟ้าแข่งขันรุนแรง หวังรักษากำไรปีนี้เท่าปีก่อนหรือมากกว่า

- NYT (ราคาปิด 15 Bloomberg Consensus 17.08) ตั้งเป้าปี 60 รายได้โต 5% รับอานิสงส์ตลาดรถยนต์ฟื้นโต คาด Q1/60 รายได้สูงกว่า Q1/59 และ Q4/59 ตามยอดขายรถยนต์โต ทั้งนี้ตั้งงบลงทุนปีนี้ 1 พันลบ.ใช้ซื้อหุ้นท่าเรือเพิ่ม พร้อมสร้างคลังสินค้า-ขยายพื้นที่จอดรถและศึกษาตั้งท่าเรือขนส่งสินค้าอีกแห่งในประเทศคาดสรุปภายในปีนี้

- AAV (ราคาปิด 6.15 Bloomberg Consensus 6.96) เสนอตัวบริหารสนามบินตจว.เล็งดันเป็น Hub ภาคอีสาน ลั่นปีนี้มาร์เก็ตแชร์ทะลุ 30%

- RATCH (ราคาปิด 51.50 Bloomberg Consensus 55.45) “หุ้นวินด์ฟาร์ม” หายใจคล่อง หลังเลขาฯส.ป.ก.แย้มจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ เท่ากับช่วยเหลือเกษตรกร ด้านผู้ผลิตไฟฟ้ากังหันลมย้ำที่ผ่านมาให้ประโยชน์แก่เกษตรกร ด้าน RATCH มั่นใจโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบงทำถูกต้อง เชื่อไร้ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียน (ที่มาข่าวหุ้น)

- บอร์ด AQ อนุมัติเพิ่มทุน 3.18 แสนล้านหุ้น เสนอขาย RO-แจกวอร์แรนต์ 2 หุ้นเดิมต่อ 1 warrant พร้อมขาย PP

- GRAND ออกหุ้นเพิ่มทุนขาย ผถห.เดิม 10:3 ราคา 1 บ./หุ้น พร้อมขาย PP

- ACAP วางเป้าสินเชื่อปี 60 ไว้กว่า 6 พันล้านบาท จับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง และใหญ่มากขึ้น เตรียมออกหุ้นกู้อีก 1 พันล้านบาท (ข่าวหุ้น)

- SMPC จับมือพันธมิตรในต่างประเทศตั้งโรงงานใหม่ คาดใช้งบลงทุนราว 300-400 ล้านบาท และอยู่ระหว่างศึกษาในทวีปแอฟริกาใต้และเอเชีย-แปซิฟิก เพิ่มเติม ส่วนปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากขยายกำลังการผลิตถังแก๊สเพิ่มขึ้นกว่า 7.2 ล้านใบต่อปี (ทันหุ้น)

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ +7.91 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตาสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,619.77 จุด เพิ่มขึ้น 7.91 จุด หรือ +0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,814.90 จุด ลดลง 4.54 จุด หรือ -0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,347.22 จุด ลดลง 2.03 จุด หรือ -0.09% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงสโก ซิสเต็มส์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง ซึ่งส่งผลให้ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดตลาดอ่อนแรงลงด้วย

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.25 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 53.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกว่า สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะยังคงให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น