'หุ้นโรงกลั่น' คึก ดักซื้อก่อนแจงกำไรพุ่ง

'หุ้นโรงกลั่น' คึก ดักซื้อก่อนแจงกำไรพุ่ง

ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นคึกคัก ดักซื้อ "ก่อนแจงกำไรพุ่ง"

ในช่วงสัปดาห์นี้ (14 - 17 ก.พ.) หุ้นหลักๆ ในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ได้แก่ พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ไทยออยล์ (TOP) ไออาร์พีซี (IRPC) และบางจากปิโตรเลียม (BCP) จะทยอยประกาศผลประกอบการประจำปี 2559 และงวดไตรมาส 4/2559

ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ต่างปรับตัวขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ไออาร์พีซี ซึ่งปรับตัวขึ้นได้มากที่สุดราว 10% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ขึ้นมาอยู่ที่ 5.3 บาท รองลงมาคือ พีทีทีจีซี ปรับตัวขึ้นมาได้ 7% มาอยู่ที่ 67.5 บาท ขณะที่ บางจากปิโตรเลียม เพิ่มขึ้นราว 4.5% มาอยู่ที่ 35 บาท และไทยออยล์ ปรับตัวขึ้นได้ 1% มาอยู่ที่ 73.25 บาท ทั้งนี้ ทิศทางโดยภาพรวมของหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นช่วงไตรมาส 4/2559 น่าจะเป็นไปในทิศทางเชิงบวกเพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ค่าการกลั่นในไตรมาสปีนี้ปรับตัวลดลงจากปีก่อน เนื่องจากจะมีกำลังการกลั่นสุทธิเพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นใหม่ราว 6.73 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมาจาก จีน อินเดีย อิหร่าน และเวียดนาม ขณะที่ระดับสินค้าคงคลังโดยเฉพาะอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 54-58 นอกจากนี้ หากดูจากดัชนีค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ พบว่าค่าเฉลี่ยปี2559 อยู่ที่ 5.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนปี2560 ประเมินค่าการกลั่นรวมไว้ที่ 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 7% จากปีก่อน 

หากพิจารณาตามรายผลิตภัณฑ์ มองว่าค่าการกลั่นน้ำมันเตาในปีนี้จะเด่นสุดในกลุ่ม เนื่องจาก ปริมาณน้ำมันเตาคงคลังสิงคโปร์ และยุโรป ณ สิ้นปี 2559 อยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ปี 54-58 อุปทานน้ำมันเตาลดลง ขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นยังไม่กลับมาเดินเครื่องได้ปกติคงต้องนำเข้าน้ำมันเตา คาดบางจากปิโตรเลียมน่าจะได้รับผลบวกค่าการกลั่นน้ำมันเตามากสุด

บล.บัวหลวง มีความเห็นว่าโดยปกติแล้วไตรมาสแรกจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นอกจากนั้นแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจะช่วยหนุนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีให้ปรับตัวดีขึ้นในขณะที่ต้นทุนก๊าซจะปรับตัวขึ้นช้ากว่า ส่งผลให้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีโดยเฉพาะโอเลฟินส์ คาดว่าจะขยายตัวจากปีก่อนและไตรมาสก่อน  

ขณะที่ค่าการกลั่นตลาดอ้างอิงตลาดสิงคโปร์คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่ง อยู่ที่ 7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หนุนจากอุปสงค์ในฤดูหนาว แต่อัพไซด์ของค่าการกลั่นตลาดมีจำกัด เนื่องจากกำลังการกลั่นที่ 8 แสนบาร์เรลต่อวัน จากซาอุดีอาระเบียจะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติหลังจากปิดซ่อมบำรุง และจะมีกำลังการกลั่นใหม่อีก 4.4 แสนบาร์เรลต่อวัน เข้ามาในไตรมาส 1/2560

พีทีทีจีซี มีแนวโน้มว่าจะดำเนินการผลิตอย่างเต็มกำลังทั้งโรงกลั่นและโรงงานอะโรเมติกส์ เนื่องจากปิดปรับปรุงโรงงานน้อยลง ดังนั้นกำไรหลักในไตรมาส 1/2560 น่าจะขยายตัวได้

บล.เคจีไอ มองว่า ไทยออยล์ราคาหุ้นน่าจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาดระยะสั้น เพราะคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/2559 จะโตถึง 51% จากไตรมาสก่อน และกำไรสุทธิปี 2559 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2560 จะลดลง 19% เพราะกำไรจากสต็อกน้ำมันลดลง 59% และมองไปถึงโครงการ CFP ซึ่งจะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำไรเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญที่จะเริ่มจ่ายไฟในปี 2564