MORNING CALL ACTION NOTES (14 ก.พ.60)

ดัชนีหุ้นไทยวันก่อนปรับตัวขึ้นจากปัจจัยบวกปธน.ทรัมป์เตรียมปรับลดภาษีครั้งใหญ่ รวมถึงราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามแนวต้านทางเทคนิค 1,600 จุดยังคงเป็นแรงกดดันต่อภาวะตลาดระยะสั้น ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,585.24 จุด (+1.99 จุด) Vol. 5.3 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -593 ลบ. , TFEX Net +264 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ตลาดหุ้น DJ พุ่งขึ้นขานรับปธน.ทรัมป์เตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ รวมถึงท่าทีของปธน.ทรัมป์ที่เป็นมิตรมากขึ้นต่อจีนและญี่ปุ่นที่เป็นสองประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ

+ ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 53.1 US/Barrel หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 8 แท่น สู่ระดับ 591 แท่น

+ FORTH AIT SVOA ILINK พาเหรดคว้างานอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน โดย FORTH ได้งานมากสุด 1,656 ลบ. หลังชนะงานจัดซื้ออุปกรณ์สายเคเบิล ส่วน AIT ได้งานอุปกรณ์ OLT และ Switch มูลค่ารวมกว่า 800 ลบ.

+/- กกพ. เลื่อนกำหนดซ้อมความเข้าใจยื่นคำร้อง-ข้อเสนอขายไฟฟ้าขยะชุมชน ชี้ต้องรอพิจารณาร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับแนวทางการร่วมทุน ตาม พ.ร.บ. รักษาความสะอาด ก่อน พร้อมยืนยันไม่ล้มโครงการแน่นอน

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนโดยพลิกเป็น Net Sell แต่แนวโน้มค่าเงินบาทยังแข็งค่าล่าสุด 35 BATH/USD.

** 15 ก.พ. ติดตาม FED แถลงนโยบายการเงินต่อวุฒิสภา คาดอาจมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่คณะกรรมการเฟดได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์เงินเฟ้อจะขึ้นใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2%

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากข่าวปธน.ทรัมป์เตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ รวมถึงแรงซื้อดักงบและเงินปันผลปี 2559 อย่างไรก็ตามความผันผวนของ Fund Flow อีกทั้งแรงกดดันตามสัญญาณเทคนิคที่เข้าใกล้แนวต้าน 1,600 จุดจะทำให้ดัชนีผันผวนสูง ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,595 - 1,600 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- IVL ราคาฝ้ายดีดตัวขึ้นล่าสุด 76.6 USD./Ton

- FORTH AIT SVOA ILINK ข่าวได้งานอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านของ TOT

- กลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นและคาดกำไรปี 2559 เติบโต

- กลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2559 เติบโต PTT IRPC PTTGC TOP BANPU WICE SYNEX ANAN ORI FSMART BCH BIG BEAUTY BJC

หุ้นแนะนำพิเศษ

IVL    ราคาปิด 36.75   Bloomberg Consensus 36.37 บาท

• Consensus คาดผลประกอบการ 4Q59 อยู่ที่ 2.75-2.85 พันล้านบาทเติบโต 3.5%QoQ และเติบโต 480%YoY เนื่องจาก Spread MEG และ PTA ปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 3 ราว 145% และ 2% ตามลำดับช่วยหนุนผลประกอบการ

• Consensus คาดกำไรปี 2017 อยู่ที่ 9.8-9.9 พันล้านบาทลดลง 11%YoY จากปี 59 เนื่องจากปี 59 มีกำไรจากการซื้อกิจการราว 7 พันล้านบาท

• ได้อานิสงส์ราคาฝ้ายปรับตัวขึ้นล่าสุด 76.6 US/Tons

หุ้นมีข่าว

- SE (ราคา IPO 2.45 บาท) จะเริ่มซื้อขายในตลาด mai วันนี้เป็นวันแรก SE ดำเนินธุรกิจจัดหาและจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมและบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรงงานอุตสาหกรรมภายใต้ตราสินค้ากว่า 40 ตราสินค้ารองรับความต้องการที่หลากหลายของโรงงานอุตสาหกรรม การระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำไปสร้างศูนย์บริการวิศวกรรมแห่งใหม่ ราคา IPO คิดเป็น P/E Ratio เท่า 24.80 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง ในช่วง 9M59 มีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท -28%yoy

- ประเด็นบวกกลุ่มต่อกลุ่ม PTT (ราคาปิด 396 Bloomberg Consensus 406) ตั้งงบลงทุนของกลุ่มในช่วง 5 ปี จำนวน 1.6 ล้านล้านบาท โดยการลงทุนจะเน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความมั่นคงทั้งท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 และคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ส่วน PTTGC จะเน้นโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ (Map Ta Phut Retrofit) TOP เน้นลงทุนการขยายกำลังกลั่น PTTEP เน้นลงทุนแหล่งปิโตรเลียมตามแผน

- ประเด็นบวก IRPC (ราคาปิด 5.30 ราคาเหมาะสม 5.85) คาดปีนี้โครงการ EVEREST ทำได้ตามเป้าสร้าง EBIT ที่ 7 พันลบ., หลังจากปีที่ผ่านมาทำได้เพียง 2.3 พันล้านบาท

- AMA ซื้อเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีลำใหม่ 449.18 ลบ.ส่งผลมีกองเรือเพิ่มเป็น 9 ลำ

- FORTH-AIT-SVOA-ILINK พาเหรดคว้างานอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน โดย FORTH ฟาดงานมากสุด 1,656 ล้านบาท หลังชนะงานจัดซื้ออุปกรณ์สายเคเบิล ส่วน AIT ได้งานอุปกรณ์ OLT และ Switch มูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท (ที่มาข่าวหุ้น)

- ก.ล.ต.ขยายเวลา KC ส่งรายงานตรวจสอบกรณีพิเศษเป็น 8 มี.ค.

- CWT เผยโครงการโซลาร์ฟาร์ม ขนาด 4.9959 MW เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 9 ม.ค.หลัง COD ปลายธ.ค. 59

- WIIK เผยบ.ย่อยได้งานออกแบบ-ก่อสร้าง-ติดตั้งระบบน้ำสะอาดให้แก่นิคมฯเวลโกรว์ มูลค่า 40 ลบ.

- PHOL ตั้งเป้ารายได้ 3 ปี (ปี 60-62) โตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 25% ต่อปี,แตะระดับ 2 พันลบ.ปี 62 ตั้งเป้ารับงานประปาชุมชนไม่ต่ำกว่า 100 โครงการ/ปี จากปริมาณงานทั้งหมดปีละ 3-4 พันโครงการ

- 14 ก.พ. IFEC จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นโหวตเลือกบอร์ดบริหาร

- ECF แจ้งบอร์ดอนุมัติให้บริษัทย่อยเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ของ บจ.ไพร์ซ ออฟ วู้ด กรีน เอนเนอร์จี จำกัด มูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 425 ล้านบาท

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ +142.79 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,412.16 จุด พุ่งขึ้น 142.79 จุด หรือ +0.70% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,763.96 จุด เพิ่มขึ้น 29.83 จุด หรือ +0.52% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,328.25 จุด เพิ่มขึ้น 12.15 จุด หรือ +0.52% เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ โดยนักลงทุนเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีท่าทีที่เป็นมิตรมากขึ้นต่อจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสองประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.93 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 52.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น

ส่องหุ้น

- CSP แนวรับ 2.36-2.34 บาท แนวต้าน 2.46 , 2.60 บาท ระดับราคาเริ่มดีดกลับขึ้นมาทำ New high อีกครั้งในรอบ 3 สัปดาห์ โดยขยับออกไปนอกกรอบ BollingerTop ได้เล็กน้อย และเริ่มมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับ MACD ปรับตัวขึ้นต่อหลังจากผ่านขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้ในช่วงต้นสัปดาห์ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ เส้น BollingerTop ที่ 2.36-2.34 บาทซะก่อน มีโอกาสที่ระดับราคาจะขยับขึ้นต่อได้แถวๆ 2.46 บาทและ 2.60 บาทต่อไป

- IVL แนวรับ 36.25 บาท แนวต้าน 37.00-37.50 , 38.25 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดได้ในระดับสูงของวัน ปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5, 10 และ 25 วันได้หลังจากปรับตัวลดลงกลับลงมาติดต่อกัน 1 สัปดาห์ ในขณะที่วอลุ่มซื้อขายเริ่มสูงขึ้น และกำลังจะเกิดสัญญาณ Golden cross ใน 1-2 วันนี้ หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 36.25 บาทซะก่อน น่าจะได้ลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบเส้น BollingerTop ที่ 37.00-37.50 บาท ก่อนผ่านขึ้นทำ New high แถวๆ 38.25 บาทต่อไป

- ECF แนวรับ 3.60 บาท แนวต้าน 3.66-3.68 , 3.72-3.76 บาท ระดับราคาสามารถดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลายวันแต่ไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ในขณะที่วอลุ่มซื้อขายเริ่มทรงตัวและปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 3.60 บาทซะก่อน มีโอกาสที่ระดับราคาจะดีดกลับผ่าน 3.66-3.68 บาทอีกครั้ง ก่อนผ่านขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมแถวๆ 3.72-3.76 บาทต่อไป