เตือน'น้ำตาเทียม' อ้างนำเข้าจากต่างประเทศอาจปลอม

เตือน'น้ำตาเทียม' อ้างนำเข้าจากต่างประเทศอาจปลอม

จักษุแพทย์ห่วง “น้ำตาเทียม” อ้างนำเข้าจากต่างประเทศอาจปลอม แนะอย่าใช้น้ำตาเทียมมากเกิน ส่งผลระบบดวงตาทำงานผิดปกติ

นพ.ปานเนตร  ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข(สธ)กล่าวถึงกรณีน้ำตาเทียมจากประเทศญี่ปุ่นที่วัยรุ่นใช้กันอย่างแพร่หลายและมีสีสันว่า น้ำตาเทียมที่มีการนำเข้ามาขายในประเทศไทยโดยอ้างว่าเป็นของประเทศญี่ปุ่นนั้นตนไม่แน่ใจในแหล่งของการผลิตจึงไม่ทราบว่าจะมีสารประกอบใดบ้างแต่หากมีการหิ้วเข้ามาขายเองในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมายแน่นอน เพราะน้ำตาเทียมถือเป็นยา ต้องมีการขึ้นทะเบียนการขายที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงจะขายได้ อีกทั้งที่พบว่ามีการขายตามอินเตอร์เน็ตจำนวนมากก็ไม่น่าเชื่อได้ว่าเป็นของแท้ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นจริงหรือไม่ เพราะขณะนี้มีเครื่องสำอาง และยาปลอมขายเป็นจำนวนมาก เช่น ที่ขวดเป็นภาษาญี่ปุ่นก็อาจจะถูกทำปลอมขึ้นมาก็ได้

“ส่วนที่พบว่าใช้น้ำตาเทียมไประยะเวลาหนึ่งแล้วมีอาการเคือง เจ็บตา อาจเป็นเพราะใช้น้ำตาเทียมแบบรายเดือนแล้วเกิดแพ้สารกันเสีย หากพบว่ามีอาการก็ควรหยุดใช้ทันที อาจจะเปลี่ยนเป็นแบบที่ใช้วันเดียวแล้วทิ้ง แต่ชนิดนี้จะมีราคาสูงกว่า ทั้งนี้การแพ้สารกันเสียไม่ได้เป็นกันทุกคนมีแค่บางคนเท่านั้นที่แพ้ เพราะร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน”นพ.ปานเนตรกล่าว

นพ.ปานเนตร  กล่าวอีกว่า กรณีที่น้ำตาเทียมมีสีสัน และบางตัวเมื่อหยอดแล้วจะมีอาการเย็น แสบนั้น ตามปกติน้ำตาเทียมจะไม่มีสารที่ทำให้เกิดสี แต่ที่เห็นมีสีอาจจะเป็นได้ว่าใส่เพื่อให้เกิดความดึงดูดใจน่าซื้อ และอาจจะเป็นการใส่สีที่ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา ส่วนที่น้ำตาบางตัวหยอดแล้วมีอาการเย็น แสบ เกิดขึ้นได้เนื่องจากจะมีสารที่ใส่แล้วทำให้เกิดอาการเย็นอยู่แล้ว ที่ประเทศไทยเองก็มีน้ำตาเทียมบางตัวที่หยอดทำให้เย็นแสบ แต่ไม่ได้เป็นอันตราย จะมีอันตรายก็เฉพาะน้ำตาเทียมบางตัวที่ผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งแพทย์จะจ่ายน้ำตาเทียมที่ผสมสารสเตียรอยด์ให้ก็ต่อเมื่อแจ้งแพทย์ว่า มีอาการเคืองตา เจ็บตา แต่ยาตัวนี้แพทย์จะให้ใช้ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ให้ใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะจะส่งผลให้เป็นต้อกระจก หรือต้อหินได้

“อยากแนะนำประชาชนว่าเมื่อมีอาการตาแห้ง แสบหรือเคืองตา สิ่งแรกที่ควรทำคือไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุในการเกิดของอาการ เช่นบางคนอาจจะโดนแดด โดนลมมากเป็นทำให้ตาแห้ง แพทย์จะแนะนำให้ใส่แว่นกันแดดกันลม บางคนอาจจะอ่านหนังสือหรือจอคอมพิวเตอร์ใช้สายตาเป็นเวลานานทำให้ตาแห้งได้ เพราะร่างกายคนเรานั้นจะกระพริบตาทุก 15-20 วินาที เมื่อเพ่งกับอะไรนานๆก็จะพบว่าเราไม่ได้กระพริบตาทำให้น้ำตาไม่ลงมาหล่อเลี้ยงดวงตา ก็ต้องพักดวงตาบ้างเช่น ใช้สายตา 30 นาที ก็หลับตาพักสัก 3-5 นาที ซึ่งแพทย์ก็จะมีวิธีรักษาที่ต่างกันไปในแต่ละบุคคลไม่ได้แนะนำให้ทุกคนใช้น้ำตาเทียมกันหมด เพราะหากใช้น้ำตาเทียมมากๆระบบดวงตาจะทำงานผิดปกติ ถ้าตาแห้งแล้วหยอดน้ำตาเทียมตลอด ร่างกายก็จะไม่บังคับให้ผลิตน้ำตาเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาด้วยตัวเอง”นพ.ปานเนตรกล่าว