กลุ่มเซ็นทรัลขับเคลื่อนสินค้าชุมชนสานแนวคิดประชารัฐ

กลุ่มเซ็นทรัลขับเคลื่อนสินค้าชุมชนสานแนวคิดประชารัฐ

กลุ่มเซ็นทรัล ประสานแนวคิดประชารัฐ หนุนยกระดับ-ต่อยอดสินค้าชุมชนสู่เอสเอ็มอีแบรนด์ สร้างอาชีพมั่นคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

กลุ่มเซ็นทรัล วางนโบบาย "มุ่งสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างมั่นคงให้ชุมชน" ในโครงการสินค้าชุมชนของเรา ภายใต้โครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวคิดประชารัฐ ที่ต้องการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้เติบโต โดยสามารถผลักดันชุมชนทั้งสิ้น 123 ชุมชน 49 จังหวัด มีผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการกว่า 1,508 รายการ สร้างรายได้คืนกลับสู่ชุมชนไปแล้วรวมกว่า 637 ล้านบาท

ล่าสุด  สนับสนุนการสร้างอาคารคัดบรรจุผักสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ จำกัด จ.เพชรบูรณ์ มุ่งพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรอย่างครบวงจร เพื่อเตรียมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางผักปลอดภัยของประเทศไทยภายใน 4 ปี และส่งออกสู่ตลาดสากล พร้อมเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน


นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ระบุว่า  หนึ่งในภารกิจหลักของกลุ่มเซ็นทรัล คือ การส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดประชารัฐ โดยให้การสนับสนุนทั้งทางด้านการพัฒนาความรู้ และสนับสนุนงบประมาณสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งในปีที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลได้ให้การสนับสนุนด้านสิ่งปลูกสร้างไปแล้วรวม 5 แห่ง รวมงบประมาณทั้งสิ้น 6 ล้านบาท

สำหรับการส่งมอบอาคารคัดบรรจุผักสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ จำกัด   ต.ปากดุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จของโครงการสินค้าชุมชนของเรา ภายใต้โครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของประชารัฐ ที่มุ่งเน้นเรื่องการสร้างรายได้ และการกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศ

โดยกลุ่มเซ็นทรัลได้ริเริ่มโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2555 และเข้าร่วมวางแผนพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรในทุกกระบวนการผลิตให้กับสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ ตั้งแต่การพัฒนาบุคลากร โดยเข้าไปให้ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ ความรู้ด้านการบริหารจัดการ และชนิดพืชผลที่เหมาะสมกับสภาพดินในบริเวณนั้นๆ เช่น จากเดิมที่ในพื้นที่ปลูกเพียงข้าว และกะหล่ำปลี ปัจจุบันเริ่มปลูกพืชผักชนิดอื่นๆด้วย สลับหมุนเวียนตลอดทั้งปี ได้แก่ กะหล่ำดอก, บรอกโคลี, ผักกาดขาวปลี, แขนงกะหล่ำ, คะน้าฮ่องกง, มะเขือเปราะ, กวางตุ้ง, ถั่วหวาน, ถั่วแขก, ซาโยเต้, ซูกินี, ลูกฟัก, เบบี้แครอท, เผือก และดอกหอม ซึ่งเป็นผักที่สามารถเพิ่มมูลค่าการขายได้มากขึ้น รวมถึงเกษตรกรยังได้เรียนรู้ที่จะวางแผนการเพาะปลูกพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อลดปัญหาสินค้าล้นตลาด และการเพิ่มมูลค่ามากขึ้นให้กับผลผลิตทางการเกษตร

นอกจากนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังช่วยสร้างอาคารคัดบรรจุผัก ออกแบบบรรจุภัณฑ์และสร้างยี่ห้อผัก “บ้านน้ำดุกใต้” รวมถึงสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่ายในเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ในราคาที่เกษตรกรพึงพอใจ เป็นต้น

อาคารคัดบรรจุผักสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ จำกัด สร้างขึ้นตามมาตรฐานของผักปลอดภัย ซึ่งกำลังจะก้าวสู่มาตรฐาน GMP ด้วยเงินสนับสนุนประมาณ 2 ล้านบาท ผักทุกชนิดที่ถูกนำมาบรรจุจะเป็นผักปลอดภัยจากโครงการกรีนมาร์เก็ตเพชรบูรณ์ ซึ่งจะถูกส่งมาจาก 4 อำเภอในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ อำเภอหล่มสัก อำเภอเขาค้อ อำเภอน้ำหนาว และอำเภอภูทับเบิก ซึ่งในอนาคตทางกลุ่มเซ็นทรัลร่วมกับจังหวัดเพชรบูรณ์มีแผนที่จะส่งเสริมให้ผักทุกชนิดเป็นผักออร์แกนิก 100 % เพื่อผลักดันให้จังหวัดเพชรบูรณ์สามารถก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางผักออร์แกนิกของประเทศไทยได้ภายใน 4 ปี

ผลสำเร็จจากการที่กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้ามาสนับสนุนการสร้างอาคารคัดบรรจุผัก พร้อมทั้งสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทางเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ให้กับผลผลิตแบรนด์บ้านน้ำดุกใต้ ของสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ ตั้งแต่ปี 2558 ทำให้ปัจจุบันยอดขายจากผักของชุมชนเพิ่มสูงขึ้นจากก่อนเข้าร่วมโครงการกับกลุ่มเซ็นทรัลกว่า 135% กล่าวคือ ปี 2557 ยอดขายจากผักของชุมชนอยู่ที่ 6.8 ล้านบาท แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการกับกลุ่มเซ็นทรัลเพียง 2 ปี ในปี 2559 ยอดขายจากผักของชุมชนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 16 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้ายอดขายรวมจากผักของชุมชนในปี 2560 จะพุ่งสูงขึ้นถึง 25 ล้านบาท และจะแตะ 46 ล้านบาทภายในปี 2563

อีกทั้งรายได้ต่อหัวของสมาชิกในสหกรณ์ก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย จากเดิมปี 2557 มีสมาชิกที่ส่งผักขายทั้งหมด 29 ราย รายได้ต่อหัวต่อเดือนอยู่ที่ 19,540 บาท แต่ในปี 2559 มีจำนวนสมาชิกส่งผักขายเพิ่มขึ้นเป็น 43 ราย สร้างรายได้ต่อหัวต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 31,000 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนอย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ชุมชนยังมีรายได้เพิ่มจากการจ้างแรงงานมาร่วมในกระบวนการผลิต และแปรรูปผักกว่า 500,000 บาทต่อปี ส่งผลให้มีผู้สนใจเข้าร่วมกลุ่มสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้เพิ่มขึ้นในทุกปี จากเดิมปี 2557 มีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 29 คน ในปี 2558 มีจำนวนสมาชิกทั้งหมดเพิ่มเป็น 60 คน แบ่งเป็นสมาชิกที่สามารถส่งผักขายได้แล้ว 32 คน และสมาชิกใหม่ที่กำลังเตรียมพร้อมก่อนส่งผักขาย 28 คน ส่วนในปี 2559 มีจำนวนสมาชิกทั้งหมดเพิ่มเป็น 156 คน แบ่งเป็นสมาชิกที่สามารถส่งผักขายได้แล้ว 43 คน และสมาชิกใหม่ที่กำลังเตรียมพร้อมก่อนส่งผักขาย 113 คน ซึ่งสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มสหกรณ์ทั้งหมดจะได้รับการฝึกสอน พัฒนาความรู้ เพื่อเตรียมตัวที่จะส่งผักเข้าขายให้สหกรณ์ได้ครบทุกรายภายในปี 2560 พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะขยายเครือข่ายสมาชิกชุมชนให้ครอบคลุมทั้งหมด 3 อำเภอ คือ อำเภอหล่มสัก อำเภอน้ำหนาว และอำเภอภูทับเบิก ในอนาคตอันใกล้


จากผลสำเร็จดังกล่าวทำให้กลุ่มเซ็นทรัลวางแผนที่จะสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ นอกเหนือจากเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ โดยการนำผักบ้านน้ำดุกใต้มาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารของโรงแรมเครือเซนทารา และร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล เรสเตอรองท์ กรุ๊ป (CRG) ตลอดจนจัดโรดโชว์อีเวนท์สินค้าชุมชนไปยังภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้รู้จักกับผลิตผลบ้านน้ำดุกใต้ และได้รับประทานผักที่สะอาด ปลอดภัย นอกจากนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังมีแผนที่จะสนับสนุนเงินอีกประมาณ 2 ล้านบาท ในการสร้างอาคารคัดบรรจุผักแห่งใหม่ที่อำเภอภูทับเบิก เพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านผลผลิตทางการเกษตร เตรียมพร้อมรับความท้าทายในอนาคต และกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนใกล้เคียงให้เจริญทัดเทียมกัน โดยปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลได้เริ่มเพิ่มการสนับสนุนผลผลิตแบรนด์ภูทับเบิก จากสหกรณ์ผักปลอดภัยภูทับเบิกผ่านทางเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์ ซึ่งสามารถสร้างกำไรเพิ่มขึ้นให้กับสหกรณ์ภูทับเบิกกว่า 4 แสนบาท ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น


นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการทำเกษตรกรรมมาอย่างยาวนาน ด้วยมีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม ดินเหนียวสีดำ และมีแม่น้ำป่าสักเป็นเส้นเลือดใหญ่ จึงสามารถปลูกพืชผักได้เจริญงอกงาม ทั้งยังได้เปรียบในด้านทำเลที่สะดวกในการขนส่ง เนื่องจากอยู่ใกล้กรุงเทพ หากแต่คนในชุมชนส่วนมากยังขาดความรู้ในเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ การค้าขาย และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิต รวมถึงขาดงบประมาณในการพัฒนาสิ่งปลูกสร้างเพื่อต่อยอดคุณภาพสินค้าให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการที่กลุ่มเซ็นทรัลเข้ามาช่วยเหลือพัฒนา ให้ความรู้ แนะนำการปลูกผักที่สร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมสร้างอาคารคัดบรรจุผักสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ จำกัด และสนับสนุนเรื่องการค้าขายและช่องทางการจำหน่าย จึงเป็นการขยายขีดความสามารถของเกษตรกรในการทำการเกษตร สร้างรายได้เพิ่มพูน ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน ตลอดจนมาตรฐานผลผลิตทางการเกษตร ให้สามารถแข่งขันในตลาดท้องถิ่น และขยายสู่ตลาดสากล ซึ่งในอนาคตอันใกล้ทางจังหวัดเพชรบูรณ์มีแผนที่จะส่งผักไปจำหน่ายยังเชียงใหม่ ลาว และคุนหมิง เพื่อเปิดโอกาสให้จังหวัดใกล้เคียง และประเทศเพื่อนบ้านได้ลิ้มลองผักบ้านน้ำดุกใต้ที่กรอบ อร่อย และสด สะอาด ปลอดภัย


นอกจากการสร้างอาคารคัดบรรจุผักสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ จำกัด กลุ่มเซ็นทรัลเล็งเห็นว่าการที่จะสร้างความเข้มแข็งในชุมชนอย่างยั่งยืน จำเป็นที่จะต้องปลูกฝังความรู้และแนวคิดด้านเกษตรอินทรีย์ให้ตั้งแต่เด็ก ดังนั้นกลุ่มเซ็นทรัลจึงได้สนับสนุนให้โรงเรียนในชุมชนมีการทำกิจกรรมแปลงผักและสอนเรื่องการปลูกผักในโรงเรียน เพื่อให้เด็กๆและลูกหลานเกษตรกรทุกคนรู้สึกใกล้ชิด เข้าใจวิถีเกษตรกร และเกิดความภาคภูมิใจเมื่อได้รับประทานพืชผักปลอดสารพิษจากฝีมือการปลูกของตนเอง ซึ่งโรงเรียนนำร่องในโครงการนี้ คือ โรงเรียนบ้านปากดุก ที่กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าร่วมวางแผนการพัฒนาความรู้ด้านการเกษตรอินทรีย์ให้เด็กนักเรียน พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือกว่า 8 แสนบาทในการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียนบ้านปากดุกให้ถูกสุขลักษณะและน่าอยู่ยิ่งขึ้น ตั้งแต่การปรับปรุงทาสีห้องน้ำ ปลูกต้นไม้ สนับสนุนอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ และลงมือปรุงอาหารที่ถูกสุขอนามัยให้แก่เด็กๆ โดยใช้วัตถุดิบหลักจากผักปลอดภัยบ้านน้ำดุกใต้


กลุ่มเซ็นทรัลจะยังคงยึดมั่นในภารกิจประชารัฐ สานต่อปณิธานเซ็นทรัลที่ต้องการให้ทุกชุมชนเติบโตไปพร้อมๆกับธุรกิจของเรา ด้วยการกระจายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกชุมชนในทุกมิติ พร้อมสานต่อวัฒนธรรมแห่ง “การให้” ให้แก่ชุมชน เพราะเราเชื่อว่ารากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงของประเทศไทย มาจากการที่คนในทุกชุมชนมีความอยู่ดีกินดี มีสุขอย่างพอเพียง รู้จักแบ่งปัน และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน