เปิดบ้าน “Money Buffalo” ชวนพี่ทุยคุยเรื่องธุรกิจ

เปิดบ้าน “Money Buffalo” ชวนพี่ทุยคุยเรื่องธุรกิจ

เมื่อ“แอดมินพี่ทุย”แห่งเพจ“Money Buffalo”จะชวนคุยเรื่องธุรกิจ พวกเขาว่า ทำธุรกิจต้องมีรายได้ แค่แพสชั่นไม่พอ และต่อให้เจ๊ง!ยังดีกว่าไม่ได้ทำ

เฟรนด์ลี่ คุยง่าย ภาษาสุภาพ ไม่หยาบคาย มีมุกแทรกให้คนอ่านรู้สึกผ่อนคลายเป็นระยะ แต่สุดท้ายต้องได้ความรู้ที่ต้องการกลับไป

นี่คือจุดยืนของ “พี่ทุย” แอดมินเพจ Money Buffalo” เพื่อนคู่คิดเรื่องการเงินของเหล่ามนุษย์เงินเดือน ผู้จะเปลี่ยนเรื่องการเงินให้เป็นเรื่องที่เสพง่ายๆ เพื่อให้คนไทยมีความรู้และสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงขึ้น

เราได้รู้จักพี่ทุยที่เป็นคน ไม่ใช่ตัวการ์ตูนควายน้อยเหมือนในเพจ แถมยังเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่วัยเพียง 26 ปี แต่ประสบการณ์ชีวิตดูโชกโชนเอามากๆ เขาคือ “มิว-ยศธร ทับทิมอ่อน” และ “เคน-จักรกฤษณ์ กิจการรัฐบุตร” เพื่อนร่วมรุ่นที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยมิวเลือกเรียนสาขาการตลาด สนใจงานด้านออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง และปัจจุบันก็ได้ทำงานที่ชอบอยู่ในบริษัทรถยนต์รายใหญ่ ขณะที่เคน เรียนมาทางด้านการเงิน พ่วงดีกรี CFP (Certified Financial Planner) ซึ่งในไทยมีแค่หลักร้อยคน ปัจจุบันก็ทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ดูแลพอร์ทลงทุนลูกค้าตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ในสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง

พอได้มาทำเพจการเงินร่วมกัน เรียกว่า “ลงตัว” พอดิบพอดี โดยคนหนึ่งรับหน้าที่ดูแลเนื้อหาเกี่ยวกับการเงิน อีกคนก็ดูแลการตลาดออนไลน์ และต่างสวมบทเป็นพี่ทุย คอยตอบคำถามแฟนเพจอย่างใกล้ชิด

"มนุษย์เงินเดือน ส่วนใหญ่ไม่รู้จักวางแผนการเงิน ไม่รู้ว่าต้องเก็บเงินยังไง ต้องเอาเงินไปทำอะไรถึงจะงอกเงย ทำไมถึงไม่มีเงินเก็บ และชักหน้าไม่ถึงหลัง นี่เป็นปัญหาพื้นๆ ที่เขาต้องเจออยู่ทุกวัน ซึ่งเราจับเพนพ้อยท์ตรงนี้ แล้วมาช่วยแก้ปัญหาให้”

พวกเขาบอกจุดเริ่มต้นของเพจเล็กๆ ที่เปิดตัวไปเมื่อ ตุลาคม 2014 ในวันที่เพจการเงินยังมีอยู่แค่พอนับนิ้วได้ ด้วยจุดยืน ไม่ซื้อไลค์ ไม่โตขึ้นมาแบบเฟคๆ แต่จะให้คนติดตาม ด้วยคอนเทนท์ที่ดี วิธีการเล่าเรื่อง และความ “ครีเอทีฟ” ที่ขยันใส่ลงไปในเพจ จริงใจกับคนอ่าน ผลิตผลงานสม่ำเสมอ และตอบทุกข้อความที่มีคนถาม ไม่ว่าจะหน้าเพจหรือหลังไมค์

ทำให้เพจที่มีคนติดตาม “0 คน” ในวันแรก กลายมาเป็นหนึ่งเพจยอดนิยม ที่มียอดคนติดตาม “กว่า 155,000 ไลค์” (ณ ม.ค. 2017) มีช่องทางเข้าถึงทั้งเฟซบุ๊ค (fb.com/moneybufffalo) เว็บไซต์  www.moneybuffalo.in.th และไลน์แอด (@moneybuffalo) ที่สำคัญคือ สามารถหารายได้จากการทำเพจได้ถึงหลักล้านบาทต่อปี! 

“คนส่วนใหญ่ชอบบอกว่าทำธุรกิจเพราะแพสชั่น แต่พวกผมมองว่า ถ้าหาเงินไม่ได้ก็ไม่ใช่ธุรกิจ วันแรกที่ทำ Money Buffalo พวกผมตอบได้เลยว่าลูกค้าคือ เอเยนซี ฉะนั้นทุกสิ่งที่ทำจะทำเพื่อให้เอเยนซีเข้ามาหาผม แต่ถ้าคุณยังตอบไม่ได้ว่าลูกค้าคุณคือใคร อย่าทำเลย เหนื่อยเปล่า เพราะคุณจะยิงกระสุนมั่วไปหมด”

คนชอบความแม่นยำในการปล่อยกระสุน เลยมีโมเดลในการหารายได้ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น โดยรายได้หลักของพวกเขามาจากการโฆษณาสินค้าและบริการ ซึ่งมีเข้ามาประมาณ เดือนละ 2 ตัว หลายคนอาจคิดว่า เพจจะมีรายได้ก็ต่อเมื่อเริ่มดังแล้วเท่านั้น แต่ใครจะคิดว่า Money Buffalo สามารถหาเงินได้ตั้งแต่เดือนแรกด้วยซ้ำ!

“เริ่มต้นแค่เดือนแรก ก็มีสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนใจดีติดต่อเข้ามา ตอนนั้นงงมาก ยอดไลค์แค่หลักพัน แถมยังไม่รู้เรตราคาอะไรด้วยซ้ำ ก็ต้องโทรถามเพื่อนเอา ซึ่งคอนเซ็ปท์เวลาทำงานของพวกเราคือ ต้องทำให้เอเยนซี และลูกค้าสบายใจ เน้นการตอบสนองที่เร็ว และทำงานเร็ว ซึ่งมั่นใจว่าในเรตราคาระดับนี้ถือว่าถูกมาก เมื่อแลกกับคุณภาพและการทำงานขนาดนี้”

โฆษณายังเป็นรายได้หลัก แต่ใช่ว่าพวกเขาจะเปิดรับสินค้าอะไรก็ได้ หรือเอเยนซีสั่งอะไรมาก็ทำตามหมด เขาว่าจุดยืนคือ ต้องให้ “วิน-วิน” กับทั้งคนอ่าน และตัวสินค้า นั่นคือต้องดีและเป็นประโยชน์ต่อคนอ่าน และดีต่อตัวสินค้านั้นๆ ด้วย

นอกจากนี้ยังมีรายได้จากช่องทางอื่น เช่น การผลิตสื่อให้กับองค์กรต่างๆ การไปเป็นวิทยากร ไปทำกิจกรรมการตลาด ฯลฯ รวมถึงยังมีแผนจะจัดงานสัมมนา เพื่อหารายได้จากสปอนเซอร์อีกด้วย พอถามว่า “พี่ทุยทำอะไรได้บ้าง?” เลยได้คำตอบแค่ “ทำได้หมด” เพราะคอนเซ็ปท์ของพวกเขาคือ “โอกาสเข้ามาต้อง ‘เซย์เยส’ ไว้ก่อน” แล้วค่อยไปขวนขวายหาวิธีทำเอา

เรื่องราวน่าทึ่งที่พูดคุยมา ย้ำว่าเป็นผลงานของ “มนุษย์เงินเดือน” ที่ยังคงทำงานประจำ “เต็มเวลา” และไม่เคยเอาเปรียบบริษัทด้วยการเอาเวลางานมาทำธุรกิจ พวกเขาทักทายแฟนเพจทุกเช้าก่อนเข้างาน ระหว่างเดินทางไปพบลูกค้า ก็นั่งผลิตคอนเทนต์ หลายคนใช้เวลาบน BTS ไปกับการเล่นเกม ฟังเพลงโปรด เข้าโซเชียล แต่พี่ทุยกำลังทำงานของพวกเขา เสาร์-อาทิตย์   คนอื่น ไปเที่ยว ไปช้อปปิ้ง แต่พี่ทุยเลือกพัฒนาฝีมือตัวเอง และคิดคอนเทนท์ใหม่ๆ พวกเขาไม่เคยรู้จักคำว่า “ไม่มีเวลา” แต่เลือกที่จะ “จัดสรรเวลา” เพื่อทำอะไรหลายๆ อย่างที่สนใจพร้อมกันได้

 “พวกผมเป็นคนที่ถ้าว่างแล้วจะฟุ้งซ่าน นี่เราทำอะไรอยู่ คนอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว เลยต้องหาอะไรทำตลอด มองว่าเรามีเวลาก้อนหนึ่งเท่ากัน สมมติใน 1 วัน มีงานหนึ่งอย่างต้องทำให้เสร็จภายในเย็นนี้ คนอื่นอาจทิ้งเวลาไปจนกระทั่งเย็นแล้วถึงทำ แต่เราเลือกทำงาน 3-4 อย่าง แล้วจัดสรรเวลาให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป สุดท้ายจบวัน งานเสร็จ และได้งานมากขึ้นด้วย”

จากการพูดคุยเราได้เห็นไลฟ์สไตล์ของคนที่ใช้เวลาในแต่ละวินาทีไปอย่างคุ้มค่า โดยก่อนจะมาเป็นนักวางแผนการเงิน เป็นพี่ทุยแห่ง Money Buffalo เคน เคยเปิดร้านสลัดร่วมกับเพื่อน จนมีอยู่ถึง 2 สาขา เขาทำน้ำสลัดเองเพราะมีทักษะในการทำอาหาร เวลาว่างจากร้าน เขาไปทำงานประจำ ไปสอบ CFP ไปฟังอบรมสัมมนา ไปคิดโปรเจคธุรกิจร่วมกับมิว แล้วลงสำรวจตลาดด้วยตัวเอง เคยคิดจะเปิดร้านขายน้ำอิตาเลียนโซดา น้ำด่างบรรจุขวด และสารพัดโปรเจค แต่พอเห็นว่าไม่เวิร์ค ก็พับแผนแล้วกลับมาคิดใหม่ทำใหม่

แม้แต่วันที่มี Money Buffalo และงานประจำมั่นคงทำแล้ว ก็ยังมีโปรเจคมากมายอยู่ในหัว โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการคิดทำโปรดักท์ของตัวเอง ที่จับต้องได้ แล้วใช้ออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเป็นเครื่องมือทำให้เติบโต รวมถึงกำลังวางแผนเรียนต่อปริญญาโทกันทั้งคู่

ที่ต้องทำธุรกิจหลายอย่าง เพราะเชื่อว่าการมีรายได้จากหลายทางย่อมดีกว่าทางเดียว สมมติถ้าธุรกิจหนึ่งตกไป ยังมีอีกธุรกิจเข้ามาช่วย ถามว่าอยากจะมีธุรกิจในมือสักกี่ตัว ไม่ได้จำกัดเลย คิดใหม่ได้เรื่อยๆ เพราะพวกผมไม่เชื่อว่า จะมีธุรกิจไหนที่อยู่ไปได้ตลอดกาล  แต่คนที่จะอยู่รอดได้ คือคนที่ปรับตัวได้เท่านั้น” พวกเขาสะท้อนความคิด

ในอนาคตก็อยากเห็นธุรกิจของตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นบริษัทมหาชน ส่วนในวันนี้ก็ขอแค่ได้คิดโปรเจคใหม่ๆ ทำธุรกิจที่สนใจ โดยไม่กลัวเลยว่าจะ "เจ๊ง"

เพราะเชื่อว่า..คนที่ไม่ล้มเหลว คือคนที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ซึ่งนั่นไม่ใช่วิถีของพวกเขา

……………………………..

Key to success

คมธุรกิจฉบับพี่ทุย

๐ ทำหลายอย่างแต่โฟกัสเป็นอย่างๆ

๐ “เซย์เยส” กับทุกโอกาสที่เข้ามา

๐ ทำธุรกิจต้องหาเงินได้ แค่แพสชั่นไม่พอ

๐ ทุกธุรกิจมีคู่แข่งเสมอ

๐ ไม่มีคำว่า "ไม่มีเวลา" ต้องจัดสรรเวลาให้เป็น

๐ ทำธุรกิจหลายอย่าง ช่วยกระจายความเสี่ยง

๐ เจ๊ง ยังดีกว่าไม่ได้ลงมือทำ