Daily Market Outlook (31 ม.ค.60)

Daily Market Outlook (31 ม.ค.60)

ด้านลบของนโยบาย Trump

คาดหุ้นไทยปรับตัวลงในวันนี้ ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เปิดเป็นลบกันหมด หลังจากคำสั่งทางปกครองของ Trump ที่ห้ามการเข้าสหรัฐไม่มีกำหนดต่อผู้อพยพจากซีเรีย และชั่วคราวอีกเจ็ดประเทศมุสลิม เป็นเครื่องเตือนนักลงทุนทั้งหลายว่านอกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมากๆ ของ Trump แล้ว นโยบายอื่นๆ อาจก่อให้เกิดผลลบอย่างมากต่อการค้าของโลก เศรษฐกิจโลก หรือแม้แต่สันติภาพของโลก คาดธนาคารกลางญี่ปุ่นคงนโยบายวันนี้ก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่เริ่มวันนี้และจบวันพุธ ภายในประเทศกระทรวงการคลังปรับประมาณการอัตราขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ขึ้นเป็น 3.6% แต่ปรับลดของปีที่แล้วลงเหลือ 3.2% ราคายางที่ขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้วมาผันผวนแรงในช่วงตรุษจีนเหมือนที่เคยทุกปี DTAC ประกาศกำไรย่ำแย่ในปี 2016 นักวิเคราะห์ของเรายังคงแนะนำขาย

หุ้นเด่นวันนี้: CHG(ราคาปิด 2.90 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 3.40 บาท)

บมจ. โรงพยาบาลจุฬารัตน์ มีแนวโน้มการทำกำไรในอนาคตที่สดใสจากการที่ความต้องการบริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ ในขณะที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ลำดับขั้นของประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจพัฒนาแล้วและสังคมผู้สูงวัย CHG จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากตำแหน่งที่ตั้งของโรงพยาบาลและคลินิคที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของกรุงเทพฯ และในเขตฝั่งตะวันออก อันเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมหลักของประเทศ นอกจากนี้อนาคตของไทยนับจากนี้จะขึ้นกับโครงการพัฒนาหลักของรัฐบาลคือ เขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกที่จะมีการลงทุนอย่างน้อย 7.6 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตและขนส่ง โครงการนี้มุ่งตอบสนองอุปสงค์ของตลาดจีนทางตอนใต้และตะวันตก ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ตลอดจนประเทศ ASEAN อื่นๆภายใต้กรอบ AEC ในช่วงปี 2560-61 CHG จะเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการสำหรับจำนวน 880 เตียง จาก 582 เตียงในปัจจุบัน และเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลขึ้นเป็น 9 โรงพยาบาลจาก 7 โรงพยาบาลรวมทั้งคลินิคอีก 7 แห่งในปัจจุบัน กลยุทธ์ของ CHG ที่จะขยายขีดความสามารถควบคู่ไปกับการขยายตัวของเขตอุตสาหกรรมสอดคล้องกับเป้าหมายที่จะขยายสัดส่วนผู้ป่วย A Class ที่ประกอบไปด้วยคนไข้เงินสด คนไข้บริษัท และคนไข้ที่มีประกันสุขภาพคุ้มครอง เราประมาณการอัตราการขยายตัวทบต้นของรายรับในช่วง 2558-61 ที่ 17.2% ต่อปี โดยมีอัตราขยายตัวของกำไร 8% ในปี 59 16% ในปี 60 และ 12% ในปี 61 ราคาเป้าหมายจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดที่ 3.40 บาทคิดเป็นอัตราผลตอบแทนราว 14% จากราคาปัจจุบัน Price Pattern ของ CHG มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ CHG มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 3.04 บาท ซึ่งหาก CHG มีความแข็งแกร่งที่มากพอด้วยการปิดตลาดเหนือ 3.04 บาทได้สำเร็จ นี่จะเป็นการบ่งบอกถึงการทำ New High โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 3.28 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 3.58 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ CHG มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 2.84 บาท (Resistance: 2.94, 2.98, 3.02; Support: 2.86, 2.82, 2.78)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ให้มุมมองที่สดใสขึ้นกับเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ขึ้นเป็น 3.6% แต่ตัดลดคาดการณ์ GDP ในปีที่แล้วลงมาเป็น 3.2% ซึ่งคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจนี้ได้รับอานิสสงค์จากการเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาพืชผลการเกษตรที่เพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค การท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของการส่งออก (Bangkok Post)

• ราคายางพาราผันผวน:ราคายางแท่ง TSR20 ในตลาด SICOM(สิงคโปร์) ลดลงวันนี้ 2.37% เป็น 2.39 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ กก. หลังขึ้นไปแตะสูงสุดวานนี้ 2.45 เหรียญฯ ต่อ กก. (+22.5% เทียบกับเดือนก่อน และ +124% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลงในช่วงเทศกาลหยุดตรุษจีน (ASPEN)ความเห็น: เราคาดว่าราคายางถูกผลักให้ปรับตัวสูงขึ้นเร็วเพื่อการเร่งสต๊อกให้ทันก่อนตรุษจีน จากการที่จีนคือผู้ซื้อรายใหญ่ของตลาดโลก ราคายางพาราช่วงนี้อาจจะไม่เริ่มมีเสถียรภาพเพราะปริมาณการซื้อจำนวนมากหายไปสองวันทำการแล้ว

• DTAC (ปิด 41.50 บาท, ขาย, ราคาเป้าหมายปี 60 31.00 บาท) รายงานกำไรปี 50 ที่ 2.09 พัน ลบ. (EPS 0.88 บาท) จำแนกเป็นกำไรสุทธิของไตรมาส 4/59 ที่ 30.1 ลบ. และประกาศไม่จ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 59 กำไรที่ออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่กว่า 350 ลบ. อยู่มาก (SET, Settrade)ความเห็น: ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมถึงค่าอุดหนุนค่าเครื่องที่สูงน่าจะหลอกหลอน DTAC ไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี แม้จะมีการประมูลคลื่นความถี่ที่น่าจะเกิดขึ้นกลางปีนี้ ค่าตัดจำหน่ายเครือข่ายสัมปทานก็น่าจะกระทบ DTAC อย่างหนักไปจนกว่าปี 61 เพราะ DTAC ได้ลงทุนไปในโครงข่ายสัมปทานที่อายุสั้นมาก เราคงคำแนะนำขายด้วยราคาเป้าหมายเดิมคือ 31.00 บาท หรือ downside 25% จากราคาปิดล่าสุด

• SCC (510.00 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 638.00 บ.) เปิดเผยรายละเอียดการลงทุนในธุรกิจขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน "เอสซีจี เอ็กซ์เพรส" (SCG EXPRESS) ซึ่งเป็นการร่วมทุนร่วมกับ Yamato Asia ผู้ประกอบธุรกิจบริการการขนส่งที่รู้จักกันดีในนาม “Black Cat” ในญี่ปุ่น เงินลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 633 ล้านบาท โดย SCG EXPRESS ตั้งเป้าเปิดจุดให้บริการเพิ่มเป็น 110 สาขา ภายในปี 2560 จากปัจจุบันที่มีจุดบริการแล้วที่สำนักงานใหญ่ บางซื่อ (The Nation) ความเห็น: ถือเป็นการกระจายธุรกิจเข้าสู่กระแส E-commerce ที่มีศักยภาพการเติบโตในประเทศ ซึ่งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว แม้ว่าจะไม่ได้สร้างผลกำไรอย่างมีนัยฯ ให้กับ SCC ในปัจจุบันก็ตาม

ต่างประเทศ:

• ราคาพันธบัตรส่วนมากทรงตัวเมื่อวันจันทร์ ก่อนการประชุมเฟดที่จะจัดขึ้นในวันอังคารและพุธนี้ และก่อนการประกาศข้อมูลจำนวนมากในสัปดาห์นี้ ราคาพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวลง 14/32 อยู่ที่ระดับ 3.08% เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.06% เมื่อวันศุกร์ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ากว่า 1% เทียบกับเงินเยนเมื่อวันจันทร์หลังจากมีประเด็นลบในการใช้คำสั่งพิเศษของทรัมป์เกี่ยวกับการเข้าประเทศ เงินยูโรทรงตัวเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0690 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.55% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1.2477 ก่อนการประชุมธนาคารกลางอังกฤษเป็นครั้งแรกของปีในวันพฤหัสนี้ (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันจันทร์ โดยดัชนีหลัก ๆ ร่วงลงมากที่สุดในปีนี้เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าคำสั่งพิเศษเพื่อระงับการเข้าประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการประกาศนโยบายที่ส่งผลกระทบรุนแรงกว่าเดิม ทั้งนี้ คำสั่งพิเศษที่ทรัมป์ได้ประกาศเมื่อวันศุกร์นั้นได้ระงับการผ่านเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม รวมถึงคนที่อยู่ในสหรัฐเป็นเวลาติดต่อกันระยะหนึ่งหรือผู้ที่ถือวีซ่า และระงับการเข้าเมืองชั่วคราวของผู้อพยพ มีคนจำนวนนับพันเดินประท้วงในเมืองใหญ่ ๆ และที่สนามบินต่าง ๆ ของสหรัฐ (Reuters)

• การใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเดือนธ.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการซื้อรถยนต์, การใช้จ่ายในภาคบริการ และค่าแรงที่เพิ่มขึ้น การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. (ตัวเลขปรับปรุงแล้ว) การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3.8% ในปี 2559 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในปี 2558 (Reuters)

• เงินเฟ้อส่งสัญญาณหักหัวขึ้นเดือน ธ.ค. ดัชนีราคาการใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% หลังเพิ่มขึ้น 0.1% ใน พ.ย. ในรอบ 12 เดือนถึง ธ.ค. PCE เพิ่มขึ้น 1.6% เพิ่มมากสุดนับแต่ ก.ย. 57 และจากที่เพิ่มขึ้น 1.4% ใน พ.ย. ดัชนีราคา PCE พื้นฐานคือไม่รวมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% หลังไม่เปลี่ยนแปลงใน พ.ย. ดัชนีราคา PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.7% เทียบกับปีก่อนหลังเพิ่มขึ้นเท่ากันใน พ.ย. PCE พื้นฐานเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อหลักของ Fed และยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้เท่ากับ 2% (Reuters)

• สัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายพุ่งขึ้นในเดือนธ.ค. หลังจากเดือนก่อนหน้าที่ปรับตัวลง จากการเปิดเผยของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เมื่อวันจันทร์ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ซึ่งอิงจากสัญญาที่มีการเซ็นแล้วในเดือนก่อน เพิ่มขึ้น 1.6% อยู่ที่ 109.0 นักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนธ.ค. ดัชนีในเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 0.3% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลงนำโดยการอ่อนตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มการเงิน แม้ว่าจะได้แรงหนุนส่วนหนึ่งจากข่าวการควบรวมกิจการก็ตาม (Reuters)

เอเชีย:

• BOJ ถูกกำหนดให้ยังคงดำเนินการกระตุ้นทางการเงินขนาดใหญ่ในวันนี้และสร้างความมั่นใจให้ตลาดในการใช้นโยบายพิเศษหลวมใด ๆ เป็นบางเวลาตลาดจะยังมุ่งเน้นไปในสิ่งที่ผู้ว่าการธนาคารกลาง BOJ คือ นายHaruhiko Kuroda พูดเกี่ยวกับประธานาธิบดีสหรัฐฯถึงท่าทางกีดกันการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ทรัมป์มุ่งตรงที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแกนหลักของเศรษฐกิจญี่ปุ่น (Reuters)

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.5% MoMในเดือนธันวาคมข้อมูลของรัฐบาลเบื้องต้นแสดงให้เห็นในวันอังคารที่ผ่านมาว่า ผลที่ได้ดีกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง0.3% เป็นการสำรวจโดยกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม โดยคาดว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนมกราคมและเพิ่ม 0.8% ในเดือนกุมภาพันธ์ (Reuters)

• อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นทรงตัวที่ 3.1% ในเดือนธันวาคมและมีความพร้อมที่จะดีขึ้นจากข้อมูลของกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารซึ่งแสดงออกมาในวันอังคารที่ผ่านมา (Reuters)

• การใช้จ่ายในครัวเรือนของญี่ปุ่นลดลง 0.3% YoYในเดือนธันวาคมในแง่ราคาจริงที่ปรับค่าแล้ว เป็นข้อมูลของรัฐบาลที่แสดงให้เห็นในวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นค่าที่ลดลงน้อยกว่าคาดการณ์เฉลี่ยของตลาดว่าลดลง 0.6% (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบร่วงวันจันทร์ ร่วงต่อหลังข้อมูลชี้ว่าสหรัฐเพิ่มการผลิตอีกสัปดาห์ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าการลดกำลังการผลิตของ OPEC และผู้ผลิตอื่นจะช่วยหนุนราคาน้ำมันได้ไม่มากเท่าที่คาด น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าลบ 29 เซนต์ปิด 55.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ มี.ค. ลบ 54 เซนต์ ปิด 52.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ราคาทองคำคงที่วันจันทร์ เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองจากที่ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐแบนคนจากเจ็ดประเทศมุสลิมและจากการเลือกตั้งในยุโรปช่วยหนุนราคาทอง ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.1% ที่ 1,192.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เทียบกับจุดต่ำสุดรอบสองสัปดาห์ครึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 1,180.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำตลาดล่วงหน้าบวก 0.1% ปิด 1,189.8 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)