'พีซี’เอเชียยังทรุดรายใหญ่ยอดขายหด

'พีซี’เอเชียยังทรุดรายใหญ่ยอดขายหด

ไอดีซีคาดอุตสาหกรรมพีซีในเอเชียปีนี้ยังต้องวัดดวง หลังตลาดคอนซูเมอร์ลดต่อเนื่อง ส่วนองค์กรขาดโปรเจคใหญ่ภาครัฐหนุน

ผลสำรวจการเติบโตของตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือพีซีในเอเชียแปซิฟิก รวมญี่ปุ่นตลอดปี 2559 ยอดขายรวม 101.8 ล้านเครื่อง ลดลง 5.5% เทียบกับปีก่อนหน้าที่ลดลง 7.7% ขณะที่เฉพาะไตรมาส 4 ลดลง 2.9% ยอดขายอยู่ที่ 26.2 ล้านเครื่อง

จำแนกเป็นยอดขายพีซีในตลาดองค์กรขยับขึ้นเพียง 1.4% จากตลาดใหญ่ 2 แห่งในเอเชียคือ “จีนและญี่ปุ่น” ที่ยังมียอดการซื้อขายพอจะชดเชยยอดจากโครงการจัดซื้อพีซีในกลุ่มการศึกษาทั้งในอินเดียและไทย ซึ่งปีที่ผ่านมาไม่มีโครงการจัดซื้อขนาดใหญ่

ส่วนยอดขายพีซีในตลาดคอนซูเมอร์ก็ยังคงลดลงต่อเนื่องหรือ 9.5% แม้จะมียอดขายกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยช่วงปลายปี แต่ภาพรวมก็ยังลดลงโดยเฉพาะพีซีแบบตั้งโต๊ะ (เดสก์ท้อป) ซึ่งยอดขายลดลงถึง 17.7% ขณะที่พีซีแบบพกพา (โน้ตบุ๊ค) ยอดขายคงที่ในไตรมาส 4 จากความต้องการซื้อในตลาดจีนและดีไซน์ใหม่ช่วยกระตุ้นการซื้อ

แต่ที่จับตาไม่แพ้กันคือ ยอดขายของผู้ผลิตรายใหญ่ “เลอโนโว” แม้จะยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในปี 2559 แต่ยอดขายลดลงถึง 6.9% ส่วน “เดลล์” ครองอันดับสอง ยอดขายเพิ่มขึ้น 3% ตามมาด้วย “เอชพี” เพิ่มขึ้น 2.3%

“โน้ตบุ๊คดีไซน์บางเบาและจอความละเอียดสูงดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ใช้และช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนเครื่องใหม่ในตลาดจีนและเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นกับตลาดอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิกด้วย” นายเมเซียค กอร์นิกิ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยแผนกไคลแอนท์ ดีไวซ์ รีเสิร์ช ของไอดีซี เอเชีย แปซิฟิก กล่าว

นอกจากนี้ตลาดคอนซูเมอร์มีแนวโน้มจะได้อานิสงส์จากตลาดพีซีสำหรับเกม ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของตลาดรวมในอนาคตด้วย โดยบรรดาผู้ผลิตรายต่างๆ ก็เริ่มหันมาให้ความสนใจขยายการเติบโตในพีซีกลุ่มเกมกันมากขึ้น และคาดว่าจะได้เห็นแบรนด์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้

นายกอร์นิกิ ยังระบุว่า ตลาดเกมมิ่ง พีซี กำลังดึงดูดบรรดาพีซีแบรนด์ต่างๆ เพราะเป็นสินค้าที่ผู้ใช้หรือเกมเมอร์ยินดีที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้เครื่องสเปคดี รวมถึงความถี่ในการเปลี่ยนเครื่องใหม่สูงกว่าผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งไอดีซีมองว่าจะเป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงระหว่างผู้ผลิตพีซีแบรนด์ด้วยกันเอง และคู่แข่งที่มาจากแบรนด์ในท้องถิ่นที่จะจุดขายเรื่องของการปรับแต่งคุณสมบัติได้ตรงความต้องการสำหรับผู้เล่นเกมฮาร์ดคอร์ได้มากกว่าการซื้อแบรนด์สำเร็จรูป

นอกจากนี้ตลาดเอเชีย แปซิฟิกก็ยังมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดโลกที่ต้องจับตาการควบรวมของแบรนด์ในอุตสาหกรรมพีซี โดยปัจจุบันผู้เล่น 3 รายหลักครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันถึง 51.4% ขยับขึ้นจากเมื่อ 3 ปีก่อนอยู่ที่ 45% เท่านั้น ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันที่ดุเดือดและราคาสินค้าที่ลดลงเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ผู้ผลิตได้เปรียบสำหรับการผลิตในปริมาณมาก รวมถึงแบรนด์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามสำหรับปีนี้ไอดีซีคาดว่ายังเป็นปีที่ท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมพีซี เนื่องจากแนวโน้มยอดขายคงที่ในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะตลาดองค์กรที่คาดว่าจะโตขึ้นเพียง 1% ส่วนคอนซูเมอร์คาดว่าจะลดลง 3%