ครึ่งปีแรกหุ้นไทยขาขึ้นคาดเงินไหลเข้าดันดัชนีทะลุ1,650

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ (Fund flow) ช่วงครึ่งปีแรกน่าจะยังเป็นสถานะซื้อสุทธิ เช่นเดียวกับช่วงเดือน ม.ค. (ณ 24 ม.ค. ซื้อสุทธิ 7.8 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นผลจากทิศทางของอัตราดอกเบี้ยที่กลับทิศเป็นขาขึ้น ทำให้นักลงทุนที่ลงทุนในพันธบัตรมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และโยกเงินลงทุนมาลงทุนในตลาดหุ้นแทน

ระยะยาวต้องติดตามการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดว่า จะทำได้เร็วขนาดไหน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้จะขึ้นได้ไม่เกิน 2 ครั้ง เพราะเงินเฟ้อยังไม่น่าเพิ่มขึ้นมาก เพราะกำลังการผลิตโดยรวมอยู่ที่ 70% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 80% ขณะที่การกระตุ้นต่างๆ คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ส่วนเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ที่ 2% แต่หากขึ้นไปถึง 3% อาจเริ่มเห็นการขึ้นดอกเบี้ยชัดเจนมากขึ้น

“อย่างน้อยอีก 2-3 ปีต่อจากนี้ เชื่อว่าตลาดหุ้นยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ตราบใดที่กำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตต่อเนื่อง อย่างปีนี้จะเห็นการฟื้นตัวของสหรัฐที่ชัดเจน หลังจากนั้นยังมีการค่อยๆ ฟื้นตัวของจีน ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อได้หลังจากสหรัฐหมดแรง และน่าจะเป็นไปในทิศทางนี้จนกว่ากำไรบริษัทจดทะเบียน จะเติบโตต่อไม่ได้แล้ว เงินเฟ้อสูง เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มร้อนแรงเกินไป สำหรับปีนี้คาดว่าดัชนีเหมาะสมที่ 1,650 จุด”

ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางเงินลงทุนปีนี้จะมีทั้งไหลเข้าไหลออกสลับกันไป เพราะขณะนี้อยู่ในจุดที่เศรษฐกิจไทยและสหรัฐมีแนวโน้มจะเติบโตไปพร้อมๆ กัน ทำให้นักลงทุนพยายามลดความเสี่ยงในแต่ละด้าน จึงเห็นเงินทุนไหลออกช่วงปลายปี แต่ช่วงต้นปีก็เริ่มไหลกลับมา

“ช่วงครึ่งปีแรกเชื่อว่าดัชนีจะไม่ผันผวนมากเพราะสหรัฐยังอยู่ในช่วงตั้งหลัก และเงินลงทุนยังมีโอกาสไหลเข้า ทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1,600-1,650 จุด แต่ช่วงครึ่งปีหลังอาจกลับมาเน้นลงทุนในหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ อย่าง ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก เพราะจะเริ่มมีความผันผวนจากนโยบายสหรัฐเข้ามามากขึ้น”

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย ระบุว่า ทิศทางเงินลงทุนระยะสั้น ยังไหลเข้ามาในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หลังจากที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทำให้เงินลงทุนชะลอในการไหลกลับไปสหรัฐ ขณะเดียวกันนโยบายต่างๆ ของสหรัฐยังมีความไม่ชัดเจน และการย้ายฐานการผลิตกลับไปทั้งหมดคงทำได้ยาก เพราะฐานค่าแรงขึ้นต่ำที่แตกต่างกันมาก

“ช่วงครึ่งปีแรกคิดว่าความเสี่ยงขาลงของหุ้นไทยอยู่ที่ 1,530-1,550 จุด เว้นจะเห็นเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาก และขึ้นดอกเบี้ยรวดเร็ว แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะเริ่มเห็นชัดเจนในครึ่งปีหลัง และไม่น่าจะขึ้นได้เกิน 3 ครั้ง ส่วนเป้าดัชนีปลายปีนี้มองที่ 1,690 จุด”