‘ทองคำ’ พุ่งต่อเนื่องแนะเก็งกำไรสั้นช่วงตรุษจีน

‘ทองคำ’ พุ่งต่อเนื่องแนะเก็งกำไรสั้นช่วงตรุษจีน

ราคาทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

ราคาทองคำตลาดโลก ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 1,218 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ประกาศชัดว่าเงินดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมาแข็งค่าเกินไป ขณะที่ เทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะมีขึ้นในปลายสัปดาห์นี้ ถือเป็นอีกปัจจัยที่หนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำในระยะสั้น

“พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บอกว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงต้นปี 2560 ยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 23 ม.ค.2560 ราคาอยู่ที่ระดับ 1,217.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นจากปลายปี 2559 ที่ผ่านมาประมาณ 66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5.8% ขณะที่การแกว่งตัวของราคาอยู่ในระดับ 73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คิดเป็น 6.3%

ช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,218.64 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 400 บาทต่อบาททองคำ หรือ ปรับตัวขึ้น 2% เมื่อเทียบกับราคาปิดของปีที่ผ่านมา โดยแกว่งตัวในระดับ 650 บาทต่อบาททองคำ หรือ 3.3%

สำหรับมุมมองราคาทองคำในช่วงนี้ไปถึงเทศกาลตรุษจีนนั้น วายแอลจี ประเมินกรอบราคาแนวรับในช่วง 1,180-1,165 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 19,700-19,400 บาทต่อบาททองคำและประเมินกรอบราคาแนวต้านในช่วง 1,233-1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 20,600-20,900 บาทต่อบาททองคำ

พวรรณ์ คาดว่า ราคาทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา โดยสุนทรพจน์ของนายทรัมป์ได้ยืนยันจุดยืนที่จะปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯและย้ำชัดว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจุดยืนดังกล่าวจะส่งผลต่อการตัดสินใจด้านการค้า ภาษี ประเด็นคนเข้าเมือง และกิจการต่างประเทศในทิศทางใดและจะกระทบต่อการค้าโลกและความสัมพันธ์ของสหรัฐกับนานาประเทศอย่างไรบ้าง ความวิตกกังวลดังกล่าวเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

อย่างไรก็ตามยังคงต้องระมัดระวังแรงขายที่สลับออกมาเป็นระยะหลังจาก นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงมีมุมมองสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และหาก นายทรัมป์ มีการเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสามารถเรียกความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนได้อาจส่งผลในเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำและก่อให้เกิดแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน

ขณะที่เทศกาลตรุษจีนนั้นเสริมมุมเชิงบวกทางจิตวิทยาจากแรงซื้อทองคำที่อาจจะคึกคักมากขึ้นเพราะเป็นช่วงเทศกาล แต่คงไม่มีนัยสำคัญต่อราคาทองคำมากนัก

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ถึงเทศกาลตรุษจีน วายแอลจี แนะนำให้นักลงทุนเน้นซื้อขายในระยะสั้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งในกรอบเพื่อสะสมแรงซื้อ โดยหากราคามีการทรงตัวรักษาระดับไว้น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะค่อยๆขยับขึ้นต่อไปได้

ทั้งนี้ หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งน่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลงโดยประเมินแนวรับระยะสั้นที่ 1,189-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนอาจพิจารณาเข้าซื้อหากราคาไม่หลุดโซนดังกล่าวเพื่อทำกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวของราคา และยังคงแนะนำให้นักลงทุนที่มีทองคำในมือแบ่งขายบางส่วนหากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้านบริเวณ 1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากราคาสามารถทะลุผ่านโซนดังกล่าวได้สามารถถือทองคำต่อเพื่อรอขายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 แตะจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 1,218 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าหลังจาก นายทรัมป์ กล่าวว่า เงินดอลลาร์แข็งค่าเกินไป

นอกจากนี้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวจากสหภาพยุโรป(อียู) อย่างเด็ดขาด แต่ช่วงกลางสัปดาห์ราคาทองคำเริ่มปรับตัวลงจากการเปิดเผยรายงาน Beige book ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราปานกลางเกือบทั่วทุกภูมิภาค และคำแถลงของประธานเฟดระบุว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป สัปดาห์ที่ผ่านมากองทุน SPDR เริ่มกลับมาซื้อทองคำ 1.2 ตัน หลังจากขายทองคำติดต่อกัน 13 สัปดาห์

นอกจากนี้การที่ นายทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้กล่าวสุนทรพจน์หลังการสาบานตนรับตำแหน่ง ระบุว่า “อเมริกา ต้องมาก่อน” อันเป็นการแสดงจุดยืนที่มีต่อนโยบายปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ แต่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียด พร้อมทั้งประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการก่อสร้างสาธารณูปโภคทั่วสหรัฐ

ส่วนประเด็นที่้ต้องติดตามในช่วงนี้ คือ สหรัฐจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ จีดีพี ไตรมาส 4 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งแรก ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.1% ชะลอตัวลงจากไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 3.5% ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค. ยอดขายบ้านมือสองและยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. เป็นต้น

บทวิเคราะห์ ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่า แนวโน้มราคาทองคำทางเทคนิคปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่บริเวณ 1,218 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,230 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแนวต้านหลักอยู่ที่ 1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,200 และ 1,195 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ