ฟันธง ‘ทองคำ’ ไตรมาสแรกขาขึ้น

ฟันธง ‘ทองคำ’ ไตรมาสแรกขาขึ้น

นักค้าทองเชื่อทองคำ "ไตรมาส1" ขาขึ้น ระบุถ้อยแถลงทรัมป์ไม่กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน มองการบริโภคในเอเชียหนุนทิศทางราคา

นักค้าทองยังเชื่อมั่นทองคำระยะขาขึ้น เหตุนักลงทุนยังไม่มั่นใจนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ระบุการบริโภคในเอเชียช่วยหนุนทิศทางราคาทองคำ ด้านออสสิริส ฟิวเจอร์ส เชื่อผลตอบแทนทองคำปีนี้จะเป็นบวก

นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ทิศทางของราคาทองคำในช่วงไตรมาส 1 ยังเชื่อว่าจะปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนไม่ค่อยให้น้ำหนักมากนัก เนื่องจากรับรู้กระแสข่าวไปค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งส่วนตัวให้น้ำหนักกับการบริโภคทองคำในกลุ่มประเทศเอเชียที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า

“ปัจจัยที่ให้น้ำหนักมากที่สุดในไตรมาสที่ 1 เรามองว่าการบริโภคทองคำในแถบเอเชียน่าจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำมากขึ้น หลังจากที่เข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน และการปรับกฎเกณฑ์การนำเข้าทองคำของอินเดียที่เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ”

ทั้งนี้ปัจจัยในไตรมาสที่ 1 มองว่า แรงกดดันจะมาจากปัญหาการเมืองของสหภาพยุโรปที่หลายประเทศที่เริ่มมีท่าทีจะออกจากการเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรปตามประเทศอังกฤษมากขึ้น รวมไปถึงการขายคืนทองคำของกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ก่อนหน้ามีการซื้อสะสมทองคำไปค่อนข้างมาก ซึ่งจากต้นปีที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทุนเริ่มมีกำไรและมีความเสี่ยงที่จะทยอยขายออกมาได้ ทำให้ในไตรมาสที่ 1 ราคาทองคำอาจจะปรับเพิ่มขึ้นไม่ได้นัก

กรอบราคาทองคำในประเมินในไตรมาสที่ 1 มองว่าจะอยู่ที่ 1,130-1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในรูปของสกุลบาทน่าจะอยู่ที่ระดับ 20,000-20,800 บาทต่อบาททองคำ ส่วนราคาทองคำทั้งปีแม้จะประเมินได้ยากแต่ยังมองว่าน่าจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ ทั้งนี้นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนทองคำได้หากราคาต่ำกว่า 20,000 บาทต่อบาททองคำ
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิตผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัทออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำในปีนี้จะเป็นปีที่ 2 ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก เพราะมองว่ายังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบต่อการปรับขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งปัจจัยส่วนใหญ่นักลงทุนได้รับรู้ไปหมดแล้ว

"สาเหตุที่ทำให้เรามองว่าราคาทองคำในปีนี้จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก เนื่องจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงไปอย่างมาก แตะระดับ 1,150 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงที่มากกว่าปกติ และเป็นฐานที่สำคัญทำให้เชื่อว่าในปีนี้ราคาทองคำไม่น่าจะปรับตัวลดลงไปยังจุดดังกล่าวและให้ผลตอบแทนเป็นบวกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันได้

ปัจจัยที่ต้องจับตาในระยะสั้น มองว่าจะเป็นเรื่องการเข้ารับตำแหน่งนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ว่าตลาดจะรับรู้ข่าวไปแล้วค่อนข้างมาก แต่ต้องติดตามว่า หากมีการทำตามนโยบายจริง จะกระทบกับค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าส่งผลโดยตรงกับราคาทองคำ ส่วนปัจจัยต่อมาคือความเข้มแข็งของสหภาพยุโรปที่หลายประเทศเริ่มมีท่าทีอยากจะออกจากการเป็นสมาชิกมากขึ้น และปัจจัยที่ 3 การปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ หากปรับเพิ่มเร็วเกินกว่าคาด อาจส่งผลกระทบกับราคาทองคำได้

ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในไตรมาสที่ 1 ถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี โดยมองกรอบที่ 1,150 - 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนในรูปของเงินบาทจะอยู่ที่ 19,500-21,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าสะสมทองคำในช่วงดังกล่าวได้

นายวรชัย ตั้งสิทธิภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ 1 ราคาทองคำอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนักเพราะยังมีแรงกดดันจากหลายด้าน ทั้งทางด้านของนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่และจะส่งผลกระทบต่อภาพโดยรวมอย่างไร แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่า ราคาทองคำยังสามารถปรับเพิ่มขึ้น และให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยมองกรอบราคาทองคำอยู่ที่ 1,180-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์