'ศุภชัย' ลั่นภายในไตรมาส2 ได้ซีอีโอทรู

'ศุภชัย' ลั่นภายในไตรมาส2 ได้ซีอีโอทรู

“ศุภชัย” ยันหลังรับมอบคุมอาณาจักรซีพี งานกลุ่มทรูไม่กระทบ คาดอย่างช้าในไตรมาส 2 ได้ซีอีโอใหม่ทรู

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการ และประธานคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และนายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สทค.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ “TCT/TTA Joint Seminar 2017” ที่จัดโดย สทค. ว่า จากเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา บมจ.เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มีประกาศแต่งตั้งให้เขาเข้ารับตำแหน่งประธานคณะผู้บริหารแทนนายธนินท์ เจียรวนนท์  แต่เบื้องต้นกระบวนการเปลี่ยนผ่านย้ายงานไปตำแหน่งใหม่คาดจะใช้ระยะเวลาเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2560 ขณะนี้จึงยังให้รายละเอียดภาระงานต่างๆ ที่แน่ชัดไม่ได้

อย่างไรก็ดี ส่วนของกลุ่มทรู หลังจากนี้ เขาจะยังดำรงตำแหน่งเดิมก่อน จนกว่าจะมีประกาศแต่งตั้งบุคคลใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน คาดกระบวนการแล้วเสร็จอย่างเร็วในช่วงไตรมาส 1 และอย่างช้าไตรมาส 2 ซึ่งเบื้องต้นการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหารทรู เสร็จสิ้นแล้ว แต่อยู่ช่วงการพิจารณาของบอร์ด และรอแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเสร็จสิ้นก่อนจึงเปิดเผยได้

ส่วนการดำเนินงานของกลุ่มทรู ภายหลังเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารแล้ว เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจาก เขายังคงมีตำแหน่งในกลุ่มทรูในฐานะบอร์ด อีกทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นที่รับรู้ภายในบริษัทมาระยะใหญ่แล้ว

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ของกลุ่มทรูนับจากนี้จะทำงานและประสานงานใกล้ชิดกับกลุ่มซีพีมากยิ่งขึ้น รวมทั้งแผน 5 ปีจากนี้ ทรู จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็น “เทเลคอม โลจิสติกส์” หรือผู้ส่งผ่านความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมด้านดิจิทัล ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการออกสู่ตลาด

ขณะที่งานในฐานะนายกสมาคม สทค. ก็จะยังดำรงตำแหน่งต่อไป เพราะยังเป็นกรรมการ ทรู โดยภารกิจงานของ สทค. หลังจากนี้จะขอเข้าพบนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อเสนอรายงานภาพรวมของตลาดเกตเวย์ระหว่างประเทศ หลังจากที่เคยพูดคุยกับนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

ภายในงานเดียวกัน นายพิเชฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวภายหลังเป็นประธานว่า กระทรวงดีอี เตรียมจะมีคำสั่งตรงไปยังหน่วยงานในสังกัดทั้ง 10 แห่ง ให้ส่งบุคลากรระดับหัวกะทิ เฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ละ 1 คน ไม่จำกัดเรื่องอายุ และตำแหน่งงาน มานั่งทำงานหน้าห้องทำงานของเขา

ทั้งนี้ เพื่อรวมทีมสร้างสรรค์งานในโครงการต่างๆ ร่วมกันของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดีอี และยังทำให้บุคคลเหล่านั้นรู้ขอบเขตงานของหน่วยงานอื่นๆ เพื่อนำไปต่อยอดโครงการต่างๆ ได้ ซึ่งต่างจากเดิมที่แต่ละคนอยู่แต่ในที่ทำงานของตัวเอง และรู้ขอบเขตงานเฉพาะในหน่วยงานเท่านั้น

"การขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโยลีดิจิทัล ในส่วนของกระทรวงดีอีเองในฐานะหน่วยงานรัฐก็ควรปรับปรุงครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน ซึ่งการที่หน่วยงานรัฐทำงานร่วมกันได้ จะช่วยให้การทำงานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนไปได้เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน”

นอกจากนี้จากกรณีปลายปีที่ผ่านมา มีสื่อหนังสือพิมพ์เก่าแก่รายหนึ่งต้องปิดตัวธุรกิจสิ่งพิมพ์ลงไป โดยมีอิทธิพลหลักมาจากดิจิทัลเทคโนโลยี เขาจึงค่อนข้างเป็นห่วงของสถานการณ์สื่อไทย โดยภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ มีแผนเชิญตัวแทนจากสื่อต่างๆ มาร่วมจัดเวิร์คช้อป เพื่อหารือกันถึงแนวทางการปรับตัวของธุรกิจในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตที่เทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามามีผลอย่างมาก ซึ่งหารือหากพบว่ามีส่วนใดต้องการความช่วยเหลือ หรือเดือดร้อนเรื่องใดที่ภาครัฐช่วยได้ ทางรัฐบาลจะขอเข้าไปช่วย