ศรีสวัสดิ์พาวเวอร์มั่นใจหุ้นกู้ขายฉลุย

ศรีสวัสดิ์พาวเวอร์มั่นใจหุ้นกู้ขายฉลุย

ศรีสวัสดิ์มั่นใจหุ้นกู้ 4 พันล้านได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดีชี้หลังธปท.ไฟเขียวลงทุน“บีฟิท”โครงสร้างธุรกิจแกร่งขึ้น-ต้นทุนการเงินต่ำ

นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการบริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด(มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อนุญาตให้บริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร หรือ BFIT และมีการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่ม จะทำให้ภาพรวมของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ศักยภาพการทำธุรกิจในอนาคต จึงทำให้มีความเชื่อมั่นว่า หุ้นกู้ของบริษัทที่จะกำหนดขายปลายเดือนม.คนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งจากสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่

“หากกระบวนการทุกอย่างเสร็จ บริษัทจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ จะทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของนักลงทุน ส่วนธุรกิจหลักของศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ ยังเดินไปตามปกติ”

ส่วนแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ จะถูกยกระดับขึ้นเป็นโฮลดิ้งคัมพานี และโอนทรัพย์สินตลอดจนหนี้สินรวมถึงหนี้หุ้นกู้ทั้งหมด ของธุรกิจหลักในปัจจุบัน ไปยังบริษัท ศรีสวัสดิ์ 2014 ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่โฮลดิ้งส์ถือ 100% ดังนั้นการปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ตลอดจนถึงความสามารถในการชำระหนี้

สำหรับหุ้นกู้ของบริษัทมีมูลค่าไม่เกิน 4 พันล้านบาท ดอกเบี้ยตามอายุหุ้นกู้คือ หุ้นกู้อายุ 2 ปี โดยมีธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เป็นแกนนำผู้จัดจำหน่าย ร่วมกับ บล.เอเชียพลัส และ บล.โกลเบล็ก

ทั้งนี้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ คาดว่า จะยังคงรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20-30% โดยธุรกิจหลักใน 3-5 ปีข้างหน้า คือ การปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน ส่วนระยะกลางคาดว่าธุรกิจการซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากสถาบันการเงิน มาบริหาร หรือ AMC และการขยายธุรกิจต่างประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ของบริษัท ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคตจะมีความแข็งแ กร่งมากขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2559 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 543.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.86 ล้านบาท หรือ 47% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 369.81 ล้านบาท ทำให้งวด 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 938 ล้านบาท