ชนะขาดลอย!เลือก'นพ.อัจฉริยะ'นั่งเลขาธิการสพฉ.คุมแพทย์ฉุกเฉิน

เมื่อวันที่ 18 มกราคม ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกพฉ.นานกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งมีวาระเกี่ยวกับการสรรหาเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) คนใหม่ว่า คณะกรรมการเข้าร่วมครบองค์ประชุมทั้งหมด 17 คน ทุกคนเป็นตัวจริงทั้งหมด

โดยที่ประชุมพิจารณาแล้วว่า กระบวนการสรรหาเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบถูกต้อง จึงได้ใด้คณะกรรมการสรรหานำผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายและผ่านการสรรหา จำนวน 3 คน เข้าแสดงวิสัยทัศน์ ได้แก่ 1.นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร 2.นพ.ไพโรจน์ เครือกาญจนา หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน รพ.ราชวิถี และ 3.นพ.อัจฉริยะ แพงมา อดีตผู้อำนวยการสำนักจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน สพฉ.

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวอีกว่า บอร์ดได้ดำเนินการโหวตผู้นั่งตำแหน่งเลขาธิการสพฉ. ปรากฏว่า การลงคะแนนครั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ สพฉ.คนใหม่คือ นพ.อัจฉริยะ แพงมา อดีตผู้อำนวยการสำนักจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยกรรมการโหวดรับ นพ.อัจฉริยะ ได้รับเลือกด้วยคะแนน 12 เสียง และอีก 2 เสียงเลือกนพ.ไพโรจน ส่วนอีก 2 เสียง เลือกนพ.อนุชา และอีก 1 เสียง ไม่ขอลงคะแนน ส่วนประเด็นข้อร้องเรียนนั้น เมื่อไม่ขัดต่อกฎหมายก็สามารถเลือกได้ทันที ไม่ได้มีการนำมาประกอบการพิจารณาของบอร์ด

“การเลือกครั้งนี้ก็อยู่ที่กรรมการพิจารณาและลงคะแนน แต่หลักๆต้องมีวิสัยทัศน์ชัด และการวางเป้าหมายการทำงานให้ชัดเจน ความมุ่งมั่นในการทำงานด้วย ซึ่งทุกคนก็มีการนำเสนอการทำงานต่างๆ โดย นพ.อัจฉริยะ นั้น มีความเข้าใจในระบบการทำงาน เพราะเคยอยู่ในสพฉ. มีประสบการณ์ และวางแผนพัฒนาไปข้างหน้า เข้าใจงานดี โดยเฉพาะเรื่องกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ จะมีการผลักดันต่อไป ”ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าว

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวด้วยว่า สำหรับนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ฯนั้น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) จะต้องหารือร่วมกับทาง สพฉ. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ 3 กองทุนสุขภาพทั้งหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ ในการจัดทำเป็นกฎกระทรวงเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการดำเนินการเรื่องนี้ หลังจากพรบ.สถานพยาบาล พ.ศ.2559 มีผลบังคับใช้ ซึ่งขณะนี้สบส.ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณายกร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว คาดว่าต้องแล้วเสร็จภายในต้นเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้ใช้ได้ทันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งในส่วนของอัตราราคาจ่ายชดเชยให้รพ.เอกชนในการให้บริการรักษาฉุกเฉินที่สพฉ.จัดทำนั้น เบื้องต้นทราบว่ารพ.เอกชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ซึ่งสบส.ก็ต้องนำส่วนนี้มาใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์ฯด้วย