ยัน 'ถ่านหิน' ยังเป็นทางเลือกผลิตไฟฟ้าตามแผน

ยัน 'ถ่านหิน' ยังเป็นทางเลือกผลิตไฟฟ้าตามแผน

"พลังงาน" ยืนยัน "ถ่านหินสะอาด" ยังเป็นทางเลือกในการผลิตไฟฟ้าตามแผนพีดีพี 2015 แต่ปชช.ต้องยอมรับ ชี้ทั่วโลกใช้ถ่านหินเพิ่ม 1 พันล้านตัน

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และรองโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ผลสรุปสัมมนา เรื่อง ถ่านหินในอาเซียนหลังจากข้อตกลงปารีส ซึ่งจัดโดย ศูนย์พลังงานอาเซียน (ACE) โดยประเด็นสำคัญของการสัมมนาครั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้รับทราบแนวโน้มกำลังผลิตถ่านหินทั่วโลก ในอีก 10 ปีข้างหน้าซึ่งคาดว่าจะเพิ่มสูงถึง 1 พันล้านตัน โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังผลิตในทวีปเอเชีย และเชื้อเพลิงถ่านหินยังเป็นตัวขับเคลื่อนพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคาดว่าสัดส่วนการใช้ในภาพรวมจะเพิ่มจาก 46 % ในปัจจุบัน เป็น 60 % และสัดส่วนการใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นจาก 32% เป็น 50% ภายในปี 2040 หรืออีก 23 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ สถานการณ์เชื้อเพลิงถ่านหินภายหลังข้อตกลงปารีส (Cop 21) เบื้องต้นจากรายงานสรุปพบว่า เทคโนโลยีถ่านหินประสิทธิภาพสูงและปล่อยมลพิษต่ำ(HELE) ยังคงพัฒนาได้ต่อไป รวมทั้งแนวโน้มการลดลงของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้าถ่านหินมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีเป้าหมายที่จะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ 25% – 30% ควบคู่ไปกับการมุ่งเน้นเทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน (CCS) โดยจากข้อตกลงปารีส ในการประชุม Cop 21 ต้องการทำให้ CCS ดังกล่าวเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ซึ่งทบวงพลังงานโลก(IEA) คาดการณ์ว่าจะสามารถดักจับและเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปริมาณสูงถึง 4,000 ล้านตัน ภายในปี 2040

สำหรับสถานการณ์เชื้อเพลิงถ่านหินในประเทศไทย ยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือกการกระจายแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP 2015) เนื่องจากนโยบายสำคัญของกระทรวงพลังงาน จำเป็นต้องให้เกิดการสร้างความสมดุลของเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า โดยความต้องการเชื้อเพลิงถ่านหิน จะเพิ่มขึ้น 20 -25% ภายในปี 2579 ตามแผน PDP เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาพลังงานใดพลังงานหนึ่งมากเกินไป

รวมถึงเชื้อเพลิงจากถ่านหินยังเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคามีเสถียรภาพ และไม่สร้างภาระค่าไฟฟ้าที่จะกระทบต้นทุนภาคการผลิต และค่าครองชีพของประชาชนในอนาคต โดยจากเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในปัจจุบัน กระทรวงพลังงานเชื่อมั่นว่าจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของชุมชนในพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย