หุ้นรับอานิสงส์น้ำท่วม 'ลุ้นยอดขายทะลัก'

จากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ตั้งแต่ 10 ธ.ค. 2559 รวม 10 จังหวัด (พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และ ระนอง) 85 อำเภอ 490 ตำบล และ 3,376 หมู่บ้าน ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย 2.52 แสนครัวเรือน

บล.เอเซียพลัส มองว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนทั้งในด้านดีและไม่ดี อย่าง โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) จะได้ประโยชน์จากยอดขายสินค้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะปั๊มน้ำและเครื่องทำความสะอาด รวมไปถึงสินค้าซ่อมแซมบ้าน ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรในไตรมาส 1/2560 ให้เติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบผู้ค้าปลีกรายอื่น ประกอบกับการขยายสาขาเชิงรุกตั้งแต่ไตรมาส 1-4/2559 ที่ขยายสาขาถึง 11 แห่ง ทำให้ ณ สิ้นปีที่ผ่านมามีสาขารวม 93 แห่ง

ขณะที่ ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เป็นผู้แปรรูปยางพาราที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีศูนย์รับซื้อยางพาราจำนวนมาก และตั้งอยู่ใกล้แหล่งเพาะปลูกสวนยางทำให้การขนส่งยางพาราทำได้ง่าย จึงคาดว่าจะไม่มีปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบยางพารามาแปรรูปมากนัก แต่การที่ราคายางอยู่ในภาวะขาขึ้นถือว่าดีต่อบริษัทอย่างมาก เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นช้ากว่าราคาขาย แม้ล่าสุดสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่ก็ช่วยหนุนให้ราคาวัตถุดิบยางแผ่นรมควันในประเทศได้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 4.4% นับตั้งแต่ต้นปี 2560

ส่วนบริษัทจดทะเบียนอีกแห่งคือ ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอเรชั่น (TRUBB) ประกอบธุรกิจลักษณะเดียวกัน แต่มีขนาดการผลิตที่เล็กกว่าศรีตรัง น่าจะได้ประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน

ด้านปาล์มน้ำมันมีผลผลิตลดลงเช่นกัน เพราะชาวสวนเก็บเกี่ยวผลปาล์มสดได้ลดลงจากระดับปกติ แต่เนื่องจากปัจจุบันยังเป็นช่วงนอกฤดูกาลเก็บเกี่ยว ผลผลิตที่ลดลงจึงไม่น่าจะกระทบมากนัก แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวช่วงกลางปี คาดว่าผลปาล์มสดจะออกสู่ตลาดในจำนวนที่มากกว่าปกติ เพราะได้น้ำเต็มที่

สำหรับโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบในตลาด อย่าง สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (UPOIC) ยังดำเนินการผลิตได้เป็นปกติ เนื่องจากอยู่ในที่สูง และยังมีลูกค้าของคู่แข่งบางรายหันมาส่งผลปาล์มสดให้บริษัทมากขึ้น เนื่องจากโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบขนาดเล็กอื่นหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราวจากปัญหาน้ำท่วม แต่โดยรวมแล้วปริมาณผลปาล์มสดที่เข้าสู่โรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบปัจจุบันยังถือว่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้าน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) จะได้รับอานิสงส์หลังน้ำลด โดยคาดว่าอุปสงค์ยางมะตอยจะมีเพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์น้ำท่วมหนักภาคใต้ โดยเฉพาะงบประมาณการซ่อมถนนหนทางที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าปริมาณการขายยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นจะไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณการขายทั้งหมด แต่มีส่วนที่จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้เพราะปกติแล้วการขายยางมะตอยในประเทศจะให้อัตรากำไรขั้นต้นที่สูง

ขณะที่ราคาขายยางมะตอยฟื้นตัวดีขึ้นตามอุปสงค์ที่มากขึ้นในภูมิภาค หลังจากที่ได้ถึงจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2559 โดยราคาขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 27% เป็น 280 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ เทียบกับเดือน ธ.ค. 2559 ที่ 220 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ อันเป็นผลพวงจากอุปสงค์จากทางจีนและอินโดนีเซียฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากได้อุปสงค์ได้หดตัวลงไปมากเมื่อปีก่อน กอปรกับอุปทานกลับปรับตัวลง เพราะคู่แข่งขันรายใหม่ที่เข้ามาในปี 2559 ก็ประสบภาวะการขาดทุนที่มาก จึงได้ลดกำลังการผลิตลง หรือได้ออกจากธุรกิจยางมะตอย