ทดสอบ 1,600 จุด

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯแกว่งตัวในกรอบแคบ DJIA +0.06%, DAX +0.53%, CAC ฝรั่งเศส -0.22% เพื่อรอฟังถ้อยคำแถลงของทรัมป์ในคืนวันที่ 11 ม.ค. 2560 แต่ FTSE100 +1.40% เมื่อนักลงทุน

สรุปสภาวะตลาดหุ้นจีน ( 4 มค. 2560– 11 มค. 2560)

ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง -0.70% นำโดยกลุ่มพลังงานเนื่องจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 4 มค. 2560– 11 มค. 2560)

SET INDEX ปรับตัวขึ้นนำโดยกลุ่มหุ้น BIG CAP หลักๆ เช่น SCC / PTT / AOT ปรับตัวขึ้นเนื่องจากเนื่องจากแรงซื้อของสถาบันภายในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติ โดยผ่านระดับ 1,575-1,580 จุด ในระหว่างการซื้อขาย แต่เกิดแรงขายทำกำไรทำให้ไม่สามารถปิดยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ปิด ณ ที่ระดับ 1,572.93 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +9.35 จุด +0.60%

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (13-19 ม.ค. 2560)

เราปรับมุมมองการลงทุนตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าขึ้นจาก “กลาง” เป็น “กลางถึงบวก” แม้ว่าสัปดาห์นี้ SET INDEX จะยังไม่ผ่านด่าน 1,575-1,580 จุด เกิดแรงขายจากกองทุนภายในประเทศมากขึ้นก็ตาม คาดว่าเป็นผลจากการไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF ที่เข้ามามากขึ้น แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์หน้าจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทาง SET INDEX ว่าจะขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,600 จุดได้หรือไม่ หากธนาคารส่งสัญญาณ NPLs ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน 3Q59 หรือ 4Q59 การตั้งสำรองในระดับสูงกว่าปกติมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลงในปีนี้ เชื่อว่าตลาดจะถือโอกาสปรับประมาณการและราคาเหมาะสมของกลุ่มธนาคารขึ้น เป็นปัจจัยพื้นฐานที่เอื้อต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์หน้าอยู่ที่การประชุม ECB แน่นอนว่า ECB จะคงนโยบายการเงินเช่นเดิม แต่ความเห็นของ ECB ต่อทิศทางเศรษฐกิจในอียูที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะมีผลต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน โดยเฉพาะวงเงิน QE ต่อเดือนหรือไม่ เพราะเป็นตัวแปรสำคัญต่อสภาพคล่องทางารเงินในระบบการเงินโลก และ sentiment ต่อตลาดหุ้นในยุโรปที่ขยับขึ้นเด่นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

กลยุทธ์โดยรวม เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนใช้วิธี “ขึ้นแรงขาย – ย่อตัวซื้อ” เพราะภาพรวม SET INDEX ในเดือนม.ค.มีแนวโน้มที่จะเป็น Sideways-to-Sideways-Up โอกาสขึ้นทดสอบ 1,600 จุดมีความเป็นไปได้ในปลายเดือนม.ค. พร้อมเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 4Q59 เริ่มจากกลุ่มธนาคารที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า และตามมาด้วยกลุ่มหุ้นหลักในสัปดาห์ถัดไป

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า

1. ติดตามผลการประชุม ECB วันที่ 19 ม.ค. คาดคงนโยบายการเงินเช่นเดิม

2. ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น การส่งออก – นำเข้าของจีน / ผลผลิตภาคอุตฯ ของญี่ปุ่น / อัตราเงินเฟ้อในอียู – อังกฤษ – สหรัฐฯ